วัน "ศุกร์ (สุข)" แห่งชาติ
เป็นกิจวัตรของผมตั้งแต่อยู่เมืองไทยจนมาอยู่ที่นี่
ทุกเย็นวันศุกร์ผมต้องให้รางวัลกับตนเอง (มีบางครั้งอาจต้องเลื่อนเป็นเย็นวันเสาร์ ในกรณีที่วันเสาร์มีสอน)
ด้วยการหาร้านนั่งกินข้าว หรือนั่งดื่ม
สมัยอยู่เมืองไทย ผมและพรรคพวกจะไปหาอะไรกินให้อิ่มท้องก่อน เพราะสถานบันเทิงมีดีแค่อาหารตา แต่อาหารปากไม่อร่อย แถมยังแพงอีก
บ้างก็ไปกินร้านยาว ท่าพระจันทร์
ออกสตาร์ทแต่หัววัน ก็ไปวอร์มที่ส้มตำกิ้วก่อน
ขยันหน่อย ก็ขยับไปกินโกหย่วน แถว กทม.
หลังๆ ติดแอร์ ก็นั่งกินร้านอหารใหม่ที่โรงอาหารใหม่ ชั้นสอง คณะเศรษฐฯ (ชื่อไร จำไม่ได้ เพราะเปลี่ยนเจ้าของบ่อยมาก)
ไม่มีเวลาจริงๆ ก็ผัดไทย ๑๕ บาทที่ตรอกข้าวสาร
พอได้เวลา ก็ขยับไปสถานบันเทิง ข้าวสารบ้าง ทองหล่อบ้าง เอกมัยบ้าง ตามแต่ความสะดวกและงบประมาณ
สนุกดี
เป็นการชาร์จแบต หลังจากทำงานเครียดมาทั้งสัปดาห์
ว่าแล้วก็คิดถึงมหานครแห่งความสุข
ตัดกลับมาที่ฝรั่งเศส
ผมมาอยู่ที่นี่ ก็ติดนิสัยเดิม ทำงานหนักบ้างไม่หนักบ้างมาทั้งสัปดาห์ วันศุกร์เมื่อไรผมจะออกนอกบ้าน
ผมเป็นโรคไม่ชอบออกนอกบ้านทุกวัน แต่ออกวันเดียวแล้วทำธุระทุกอย่างให้เสร็จ ยิ่งเรียนปริญญาเอกยิ่งสบาย เขียนวิทยานิพนธ์อย่างเดียว ไม่มีเข้าห้องเรียน
ผมเล็งวันศุกร์ไว้เช่นเคย
ออกไปห้องสมุด ค้นงาน ถ่ายเอกสาร อ่านวารสารกฎหมายใหม่ๆ
พักกลางวันก็กินข้าวที่โรงอาหาร ตบตูดด้วยกาแฟมั่ง เบียร์มั่ง (ถูกดี ราคานักศึกษา)
บ่ายก็ไปทำงานที่ห้องสมุดต่อ
สักสี่โมงเย็นก็ขยับเข้าไปในเมือง ถ้ามีรอบหนังดีๆ ก็แว้บไปดู ถ้าไม่มีก็ไปเดินร้าน ดูหนังสือ ซีดี ดีวีดี ฟังเพลงฟรีไปตามเรื่อง
เสร็จก็มานั่งจิบเบียร์ กินกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ สไตล์ฝรั่งเศสๆ
สักสองทุ่ม ก็เข้าร้านอาหาร หาอะไรดีๆกิน
เมื่อก่อน มาใหม่ๆ ชอบลองอาหารทุกอย่าง เปลี่ยนร้านไปเรื่อยๆ
แต่หลังๆเบื่อ แถมทรัพย์จาง เลยเลือกเอาร้านประจำ เพราะ รู้จักกับเจ้าของร้าน เชฟ คนเสิร์ฟ กินไปคุยไป หนุกดี
ตอนนี้ก็มีสองร้านหลักๆ
หนึ่ง ร้านอาหารญี่ปุ่น ชื่อ ซูโม่ เชฟซึ่งเป็นเจ้าของด้วย เป็นคนลาว เมียเป็นคนไทย คอบอลเหมือนกันอีก
ไปกินทีไร ผมสั่งชุดซาชิมิ แกให้ปลาดิบผมท่วมจาน แบบคูณสอง ส่วนข้าว เติมไม่อั้น แถมอะเปริตี๊ฟ และสาเกตบตูดอีก
กินไป คุยไป ยันร้านเลิก แกก็มีข้าวเลี้ยงพนักงานอีกรอบ ถ้าผมยังกินไหว ก็มาแจมได้
แล้วแกก็ไปส่งบ้าน
อีกร้าน เป็นร้านอาหารไทย ลาว
ราคาแพงขึ้นมาหน่อย แต่ของเค้าดีจริง รสชาติเหมือนบ้านเราเป๊ะๆ
เจ้าของเป็นคนลาว เคยเอารูปสมัยเค้าหนุ่มๆ อยู่ปารีส เตะฟุตบอลกะโภคิน ว่าที่นายกฯนอมินี ตอนนั้นโภคินผมยาว เป็นแกนนำนักเรียนบ้านเราที่ปารีส
ผมสั่งลาบไก่ ส้มตำ ผัดไทย ซุปหน่อไม้ ข้าวเหนียว ตามเรื่อง
บางวันมีกุ้งแช่น้ำปลามาเป็นออเดิร์ฟด้วย
วันไหน ถ้างบหมด ทรัพย์จาง ผมก็จะออกไปจ่ายตลาด ซื้อของมาทำกินแบบเต็มแม็กไปเลย (อย่างวันนี้เป็นต้น เพราะใกล้สิ้นเดือน)
วันนี้ผมไปได้ Vouvray มา แช่เย็นๆ เอามากินก่อนอาหาร เจ้า Vouvray ก็คือ แชมเปญนี่แหละ เพียงแต่ไม่ได้ทำที่แชมเปญ เลยใช้ชื่อแชมเปญไม่ได้ แต่รสชาติไม่ต่างกัน แถมถูกกว่ากันครึ่งต่อครึ่ง
จิบไป ทำอาหารไป เมนู คือ ผัดพริกแกงแดง ก็ใส่หมู ใส่พริกแกงแดง ใส่ถั่วฝักยาว หยอดซีอิ๊วขาวหน่อย น้ำมันหอยนิด มั่วๆไป ทอดไข่ดาวอีกใบแบบเกรียมๆแต่ไข่แดงไม่สุก
ใครว่ายังไงไม่รู้ แต่ผมว่าอร่อย เพื่อนๆก็บอกอร่อย (ไม่รู้คำตอบแบบเชิงการทูตหรือเปล่า) กินกะไวน์แดง มื้อนี้ได้ไวน์ตัวใหม่มา Côtes du Rhône กัดฟันซื้อ ๙ ยูโร (ขายเมืองไทยน่าจะหลายตังค์อยู่)
แพงไปหน่อย แต่กินแล้ว บอกได้ว่า...
ของเค้าดีจริง
กินไป ดื่มไป คุยเอมเอสเอนไป ฟังเพลงไป
เคร็ก ดาวิดบ้าง วิทนีย์บ้าง นอร่า โจนส์บ้าง อีเกิ้ลบ้าง
เริ่มได้ที่ ก็แอ๊ดบ้าง หงาบ้าง หมู พงศ์เทพบ้าง
เป็นวิธีการคลายเหงายามใช้ชีวิตต่างแดนอย่างเหงาๆได้ดีพอสมควร
ใครมีวิธีคลายเหงา หรือให้รางวัลตนเองอย่างไร มาเล่าสู่กันฟังก็ดีนะครับ
ทุกเย็นวันศุกร์ผมต้องให้รางวัลกับตนเอง (มีบางครั้งอาจต้องเลื่อนเป็นเย็นวันเสาร์ ในกรณีที่วันเสาร์มีสอน)
ด้วยการหาร้านนั่งกินข้าว หรือนั่งดื่ม
สมัยอยู่เมืองไทย ผมและพรรคพวกจะไปหาอะไรกินให้อิ่มท้องก่อน เพราะสถานบันเทิงมีดีแค่อาหารตา แต่อาหารปากไม่อร่อย แถมยังแพงอีก
บ้างก็ไปกินร้านยาว ท่าพระจันทร์
ออกสตาร์ทแต่หัววัน ก็ไปวอร์มที่ส้มตำกิ้วก่อน
ขยันหน่อย ก็ขยับไปกินโกหย่วน แถว กทม.
หลังๆ ติดแอร์ ก็นั่งกินร้านอหารใหม่ที่โรงอาหารใหม่ ชั้นสอง คณะเศรษฐฯ (ชื่อไร จำไม่ได้ เพราะเปลี่ยนเจ้าของบ่อยมาก)
ไม่มีเวลาจริงๆ ก็ผัดไทย ๑๕ บาทที่ตรอกข้าวสาร
พอได้เวลา ก็ขยับไปสถานบันเทิง ข้าวสารบ้าง ทองหล่อบ้าง เอกมัยบ้าง ตามแต่ความสะดวกและงบประมาณ
สนุกดี
เป็นการชาร์จแบต หลังจากทำงานเครียดมาทั้งสัปดาห์
ว่าแล้วก็คิดถึงมหานครแห่งความสุข
ตัดกลับมาที่ฝรั่งเศส
ผมมาอยู่ที่นี่ ก็ติดนิสัยเดิม ทำงานหนักบ้างไม่หนักบ้างมาทั้งสัปดาห์ วันศุกร์เมื่อไรผมจะออกนอกบ้าน
ผมเป็นโรคไม่ชอบออกนอกบ้านทุกวัน แต่ออกวันเดียวแล้วทำธุระทุกอย่างให้เสร็จ ยิ่งเรียนปริญญาเอกยิ่งสบาย เขียนวิทยานิพนธ์อย่างเดียว ไม่มีเข้าห้องเรียน
ผมเล็งวันศุกร์ไว้เช่นเคย
ออกไปห้องสมุด ค้นงาน ถ่ายเอกสาร อ่านวารสารกฎหมายใหม่ๆ
พักกลางวันก็กินข้าวที่โรงอาหาร ตบตูดด้วยกาแฟมั่ง เบียร์มั่ง (ถูกดี ราคานักศึกษา)
บ่ายก็ไปทำงานที่ห้องสมุดต่อ
สักสี่โมงเย็นก็ขยับเข้าไปในเมือง ถ้ามีรอบหนังดีๆ ก็แว้บไปดู ถ้าไม่มีก็ไปเดินร้าน ดูหนังสือ ซีดี ดีวีดี ฟังเพลงฟรีไปตามเรื่อง
เสร็จก็มานั่งจิบเบียร์ กินกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ สไตล์ฝรั่งเศสๆ
สักสองทุ่ม ก็เข้าร้านอาหาร หาอะไรดีๆกิน
เมื่อก่อน มาใหม่ๆ ชอบลองอาหารทุกอย่าง เปลี่ยนร้านไปเรื่อยๆ
แต่หลังๆเบื่อ แถมทรัพย์จาง เลยเลือกเอาร้านประจำ เพราะ รู้จักกับเจ้าของร้าน เชฟ คนเสิร์ฟ กินไปคุยไป หนุกดี
ตอนนี้ก็มีสองร้านหลักๆ
หนึ่ง ร้านอาหารญี่ปุ่น ชื่อ ซูโม่ เชฟซึ่งเป็นเจ้าของด้วย เป็นคนลาว เมียเป็นคนไทย คอบอลเหมือนกันอีก
ไปกินทีไร ผมสั่งชุดซาชิมิ แกให้ปลาดิบผมท่วมจาน แบบคูณสอง ส่วนข้าว เติมไม่อั้น แถมอะเปริตี๊ฟ และสาเกตบตูดอีก
กินไป คุยไป ยันร้านเลิก แกก็มีข้าวเลี้ยงพนักงานอีกรอบ ถ้าผมยังกินไหว ก็มาแจมได้
แล้วแกก็ไปส่งบ้าน
อีกร้าน เป็นร้านอาหารไทย ลาว
ราคาแพงขึ้นมาหน่อย แต่ของเค้าดีจริง รสชาติเหมือนบ้านเราเป๊ะๆ
เจ้าของเป็นคนลาว เคยเอารูปสมัยเค้าหนุ่มๆ อยู่ปารีส เตะฟุตบอลกะโภคิน ว่าที่นายกฯนอมินี ตอนนั้นโภคินผมยาว เป็นแกนนำนักเรียนบ้านเราที่ปารีส
ผมสั่งลาบไก่ ส้มตำ ผัดไทย ซุปหน่อไม้ ข้าวเหนียว ตามเรื่อง
บางวันมีกุ้งแช่น้ำปลามาเป็นออเดิร์ฟด้วย
วันไหน ถ้างบหมด ทรัพย์จาง ผมก็จะออกไปจ่ายตลาด ซื้อของมาทำกินแบบเต็มแม็กไปเลย (อย่างวันนี้เป็นต้น เพราะใกล้สิ้นเดือน)
วันนี้ผมไปได้ Vouvray มา แช่เย็นๆ เอามากินก่อนอาหาร เจ้า Vouvray ก็คือ แชมเปญนี่แหละ เพียงแต่ไม่ได้ทำที่แชมเปญ เลยใช้ชื่อแชมเปญไม่ได้ แต่รสชาติไม่ต่างกัน แถมถูกกว่ากันครึ่งต่อครึ่ง
จิบไป ทำอาหารไป เมนู คือ ผัดพริกแกงแดง ก็ใส่หมู ใส่พริกแกงแดง ใส่ถั่วฝักยาว หยอดซีอิ๊วขาวหน่อย น้ำมันหอยนิด มั่วๆไป ทอดไข่ดาวอีกใบแบบเกรียมๆแต่ไข่แดงไม่สุก
ใครว่ายังไงไม่รู้ แต่ผมว่าอร่อย เพื่อนๆก็บอกอร่อย (ไม่รู้คำตอบแบบเชิงการทูตหรือเปล่า) กินกะไวน์แดง มื้อนี้ได้ไวน์ตัวใหม่มา Côtes du Rhône กัดฟันซื้อ ๙ ยูโร (ขายเมืองไทยน่าจะหลายตังค์อยู่)
แพงไปหน่อย แต่กินแล้ว บอกได้ว่า...
ของเค้าดีจริง
กินไป ดื่มไป คุยเอมเอสเอนไป ฟังเพลงไป
เคร็ก ดาวิดบ้าง วิทนีย์บ้าง นอร่า โจนส์บ้าง อีเกิ้ลบ้าง
เริ่มได้ที่ ก็แอ๊ดบ้าง หงาบ้าง หมู พงศ์เทพบ้าง
เป็นวิธีการคลายเหงายามใช้ชีวิตต่างแดนอย่างเหงาๆได้ดีพอสมควร
ใครมีวิธีคลายเหงา หรือให้รางวัลตนเองอย่างไร มาเล่าสู่กันฟังก็ดีนะครับ
11 ความคิดเห็น:
TGI Friday !
อยู่ที่นี่ เบียร์ถูก ก็นั่งกินเบียร์ เล่นเน็ตครับ
ผมเป็นโรคขี้เกียจออกจากบ้าน มันหนาว :P
ทำกับข้าวนี่ไม่สันทัด (กินแต่มาม่ากะหนมปัง - -)
แต่ก็มีไปกินข้าวบ้านเพื่อนเรื่อย ๆ วันเสาร์ (แล้วแต่ว่าเขามีสอบกันรึเปล่า มีเราทำงานอยู่คนเดียว ไม่มีสอบ)
เรื่องกินข้าวนอกบ้านนี่ มีร้านประจำไม่กี่ที่ เป็นพวก'อิมบิส' ร้านจีน+ตุรกี (ไม่รู้รวมกันได้ไง) ใกล้ ๆ บ้านที่นึง ข้าวผัดเค้ารสชาติใช้ได้ เร็ว และถูก (ข้าวผัดไข่ใส่ไก่ 2.5 ยูโรเองอ่ะ ราคานี้ถ้าร้านอื่นกินได้แค่เคบับ - -") ถ้าอยากกินอร่อย ๆ กว่านี้ ก็นั่งรถรางไปหน่อย มีร้านจีนอีกที่ (คนเวียดนามขาย) ขายอาหารไทยด้วย รสชาติไม่เหมือนไทยหรอก แต่ก็อร่อยดี นอกจากสองที่นี้แล้ว ก็มีร้านอินเดีย ชอบไปกิน เบอร์ยานี่ (เหมือนข้าวหมกไก่มั้ง) .... เป็นโรคติดข้าวอ่ะครับ ไม่งั้นก็ต้องบะหมี่ไปเลย
กินข้าวร้านจีนที่นี่ต้องสั่งข้าวเพิ่มอีกถ้วย เพราะเค้าให้กับเยอะกว่าข้าว สไตล์ฝรั่งมั้ง
นี่หน้าร้อนกำลังจะมาถึงแล้ว
คงได้เวลาออกจากบ้านไป "ไทยปาร์ค" กันล่ะ :)
... OGI Monday !
เฮ้ย คิดถึงNantes และอาหารญี่ปุ่นร้านซูโม่มาก
อยากรีบกลับไปใจจะขาด
อ้อ วันนี้ตอนเย็นๆวันนี้ ยังบ่นคิดถึงร้านเบียร์ และ วอดก้าคาราเมลร้านนั้นอยู่เลย
Ta-Vahn
วิธีผ่อนคลาย
ง่ายๆก็คือ ดูหนัง แล้วก็นั่งอ่านหนังสือ ฟังเพลง
ตกเย็นก็ ... บริก บาร์
ออกมาก็ซาบซ่านชีวา ^^
ก็คล้าย ๆ กันนะป๊อก ...แต่พี่เลิกดื่มเหล้ามาจะครบ ๑ ปีแล้ว รู้สึกดีชะมัด
รางวัลง่าย ๆ คือ การไปกินข้าวนอกบ้านนี่แหละ เพราะส่วนใหญ่จะทำกินเอง หรือไม่งั้น ก็ได้รับส่วนบุญจากการไปทำงานร้านอาหาร จึงได้อาหารมากินที่บ้าน โดยไม่ต้องซื้อหา หรือทำกินบ่อยเท่าไหร่ ในช่วงหลัง ๆ นี้
แต่พี่จะไปกินข้าวนอกบ้าน ในวันอาทิตย์แทน ... และรางวัลอีกอย่างที่ทำ ก็คือ การนอนตื่นสาย หรือ ตื่นบ่าย ในวันเสาร์ ... เพราะช่วงสัปดาห์ รู้สึกนอนไม่พอ ...
เรื่องการคุม msn นี่ ไม่ค่อยเท่าไหร่แล้ว เพราะเสียเวลามาก ลืมตัวทุกที คุยไปคุยมา ก็สองสามชั่วโมง ...โอ้ ...มันช่างกินเวลาจริง ๆ
อีกอย่าง ที่ตอนนี้เริ่มทำ คือ การเช่าหนังมาดู รอให้หนังใหม่ ๆ ออกจากโรงเสียก่อน แล้วก็ไปเช่ามาดู เรื่องละสองเหรียญห้าสิบเซ็นต์ (ประมาณ ๑๐๐ บาท) ก็ดีเหมือนกัน
เอ่อ อะไรอีกละ ....ไปวิ่งมั๊ง ... เพราะหาคนเล่นแบดมินตัน ด้วยไม่ได้เท่าไหร่ ... น่าเสียดาย อุตส่าห์ แบกไม้มาจากเมืองไทยด้วย
ให้รางวัลตัวเอง ด้วยการฝัน
เบื่อก็หาหนังสืออ่าน เบื่อมากๆ
ก็อ่านการ์ตูน ประเทืองอารมณ์ได้ดี
ยุ่งเกี่ยวกับดนตรี เสียงเพลงบ้าง
คลายเหงาได้ชะงัดนัก ....
เฮ้ย ฟ้าเดียวกันที่ร้านนายอินทร์ก็โดนเรียกเก็บว่ะ เมื่อถามถึงเล่มใหม่ก็ได้ความว่ายังไม่มา และไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ คะเนว่าจนกว่าจะมีคำสั่งให้ขายได้ทำนองนั้น
ภายภาคหน้าคงได้ซื้อหาส่งไปให้ว่ะ สักอาทิตย์หน้าจะแวะเวียนไปดูใหม่
กูยังมีกรรมที่จะต้องวนเวียนแถวท่าพระจันทร์อีกหลายอาทิตย์
ที่ศูนย์หนังสือจุฬาก็เช่นกันครับ พนักงานขายแจ้งว่าจะไม่มีการนำฟ้าเดียวกันมาขายอีก ทางผู้ใหญ่สั่งมา
วิธีคลายเหงา ส่วนใหญ่ก็ไปร้านหนังสือ หรือถ้ามีเวลาก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ บนถนนที่ไม่ค่อยได้ไป ชอบไปแถวๆริมน้ำ เพลินๆดีค่ะ อ้อ ถ้าได้ซื้อขนมกินด้วย ยิ่งดีใหญ่เลย
นี่ขนาดจนๆ ปลายเดือน
ยังมี Côtes du Rhône เลยนะนี่
ถ้าที่เมืองไทย สำหรับตัวเองวันไหนเจอไวน์จาก
Côtes du Rhône ถือว่ารวย
พี่ต้องคะ ...
ก้อยไปตามล่าหาซื้อฟ้าเดียวกันไม่ได้เหมือนกัน
ที่นายอินทร์ สาขา ท่าพระจันทร์
เขาบอกว่าหมดอ่ะ ( หมดหรือโดนเก็บก็ไม่รู้)
แต่เมื่อกี๊ พี้ป๊อก บอกแหล่งสั่งซื้อใหม่ให้ก้อยลองศึกษาแล้วว
http://www.kledthaishopping.com
คิคิ ;)
off white clothing
curry shoes
yeezy boost 350 v2
yeezy supply
retro jordans
yeezys
supreme clothing
kyrie 6 shoes
off white nike
supreme outlet
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก