วันอังคาร, พฤษภาคม 24, 2548

โอ้นกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำแล้วจะนอนไหนเอย ...

เสาร์ที่ผ่านมา แฟนบอลชาวไทยคงจับจ้องไปที่เอฟเอคัพนัดชิงชนะเลิศระหว่างอาร์เซน่อลกับแมนฯยูฯ แต่ความสนใจของผมกลับมุ่งไปที่ลีก เอิง ลีกที่บ้านเราไม่ค่อยเหลียวมองเว้นแต่แฟนบอลเฉพาะกิจจำพวกเล่นบอลชุด ผมก็ไม่ได้พิสมัยมันนักหรอกครับ เบื่อจะตายชัก นักบอลไม่ดัง ยิงประตูก็น้อย แต่จำเป็นต้องตามครับช่วงนี้

ผมมาอยู่ฝรั่งเศสเกือบสามปีแล้ว ก็ต้องหาทีมฟุตบอลเชียร์ จริงๆก็ไม่ได้ประทับใจลีลาอะไรเท่าไร แต่ผมเลือกเชียร์น็องต์ด้วยเหตุผลสามประการ

หนึ่ง ผมอยู่เมืองนี้ก็น่าจะเชียร์ทีมฟุตบอลประจำเมืองนี้ จะไปเชียร์ลียงก็กระไรอยู่
สอง ผมลุ้นให้น็องต์ได้อันดับดีๆ หรือเป็นแชมป์เลยยิ่งดีใหญ่ จะได้มีโอกาสไปเล่นถ้วยยุโรป เผื่อฟลุคๆมีทีมดังๆจากประเทศอื่นมาเยือน ผมจะได้ไปชมถึงขอบสนาม
สาม น็องต์เป็นจอมปั้นนักบอล ผมนี่ชอบนักทีมที่ปั้นเด็กๆ

พอผมเริ่มมาเชียร์ก็ได้เรื่องเลย...

ปีที่แล้ว น็องต์เข้าถึงรอบรองฯทั้งถ้วยลีก คัพ และเฟรนช์ คัพ (เทียบเท่าเอฟเอ คัพ) ผมลุ้นเต็มที่เลยครับ เพราะอันดับในลีกก็ไม่ค่อยดี โอกาสไปเล่นถ้วยยุโรปต้องมาหวังกับการได้แชมป์บอลถ้วยในประเทศแทน แต่ไปไม่ถึงฝันทั้งสองถ้วย ลีก คัพ ดวลจุดโทษแพ้โซโชซ์ เฟรนช์ คัพ ซ้ำรอยด้วยการแพ้จุดโทษเปแอสเช เดชะบุญ ยังจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ ๖ ได้สิทธิไปเตะอินเตอร์ โตโต้ เช่นเคยครับไม่ถึงฝันไปถึงรอบรองฯ

ผมเลยไม่มีโอกาสได้ชมน็องต์ในสังเวียนยุโรป

มาฤดูกาลนี้ นึกว่าจะดีกว่าเดิม กลับตรงกันข้าม บอลถ้วยตกรอบหมด ลีกคัพแพ้โอแซร์ เฟรนช์คัพแพ้หมูซึ่งเป็นแค่ทีมสมัครเล่น อันดับในตารางก็ร่อแร่จะตกชั้นเต็มทน

นี่ไงครับเป็นเหตุให้ผมต้องรวบรวมสรรพกำลังทั้งหมดไปลุ้นน็องต์ในนัดสุดท้าย

...............

น็องต์ก่อตั้งสโมสรเมื่อ ๒๑ เมษายน ๑๙๔๓ โดยนายมาร์แซล โซแป็ง ใช้นกขมิ้นเหลือง หรือ Les Canaries เป็นสัญลักษณ์ สีประจำทีมคือสีเขียวกับเหลือง (ไม่ใช่แท็กซี่มิเตอร์นะครับ)

น็องต์เริ่มจากทีมสมัครเล่นและไต่ขึ้นสู่ดิวิชั่นสองได้ในในฤดูกาล ๑๙๔๕-๔๖ ใช้เวลาเกือบยี่สิบปีจึงประสบความสำเร็จได้ขึ้นมาเล่นลีก เอิงในฤดูกาล ๑๙๖๓-๖๔ นับแต่นั้น น็องต์ไม่เคยย่างกรายลงไปสู่ลีก ๒ อีกเลย เมื่อฤดูกาล ๒๐๐๒-๐๓ พึ่งฉลองครบรอบ ๔๐ ปีในลีก เอิงไป นับเป็นทีมแรกและทีมเดียวที่ครองสถิติอยู่บนลีก เอิงยาวนานที่สุด

ลีก เอิงปีแรก น็องต์ทำได้ไม่เลว จบที่อันดับ ๘ ปีถัดมา ฤดูกาล๑๙๖๔-๖๕ วงการฟุตบอลฝรั่งเศสก็ตกตะลึงเมื่อน็องต์คว้าแชมป์ลีก เอิงได้ เท่านั้นยังไม่พอ ฤดูกาล ๑๙๖๕-๖๖ น็องต์ยังได้แชมป์ลีก เอิงต่ออีกปี กลายเป็นทีมแรกที่ใช้เวลาแค่สองปีก็สามารถครองบัลลังก์ลีก เอิงสำเร็จ แถมยังครองสองปีติดต่อกันด้วย

สิบปีนับแต่ที่ขึ้นมาเล่นลีกเอิง น็องต์ภายใต้การคุมทีมของโจเซ่ อาร์ริบาส กวาดแชมป์ลีก เอิง ไปสามสมัย

ทศวรรษต่อมาตั้งแต่ฤดูกาลที่ ๑๙๗๓-๗๔ ถึง ๑๙๘๑-๘๒ ถือเป็นยุคทองของ ฌอง แว็งต์ซ็อง แกคุมทีมเกือบสิบปี กวาดแชมป์ลีก เอิงไปสองสมัย แชมป์เฟรนช์คัพอีกหนึ่งสมัย ก่อนจะลาออกไปคุมทีมชาติแคเมอรูนเพื่อลุยศึกฟุตบอลโลก ๑๙๘๒ ที่อิตาลี นักฟุตบอลของน็องต์ที่ดังสมัยนั้นก็มี อองรี มิเชล (คนนี้แขวนสตั๊ดไปตอนปี ๑๙๘๒ เพื่อไปช่วยมิเชล ฮิดัลโก้คุมทีมชาติฝรั่งเศส ต่อมาขยับขึ้นไปคุมเอง) โลอิก อามิสส์ (คนนี้ลูกหม้อเล่นให้น็องต์จนแขวนสตั๊ดก่อนผันตัวมาเป็นโค้ชจนได้ขึ้นมาคุมน็องต์ชุดใหญ่ พึ่งถูกเด้งไปเมื่อธันวาคมปีที่แล้ว) แม็กซิม บ็อคซิซ (นี่ก็ทีมชาติฝรั่งเศส) วาฮิด ฮาลิดฮอดซิซ (ดาวซัลโวประจำทีม อดีตโค้ชเปแอสเชพึ่งโดนเด้งไปเหมือนกัน) กีย์ ลากง (โค้ชโซโชซ์ คนปั้นเบอนัวต์ เปอเดร็ตติจนติดทีมชาติ ตอนนี้มีข่าวว่าเป็นคู่แข่งกับเฮียโปนที่จะไปคุมลียง)

ทศวรรษต่อมาน็องต์ยังคงกวาดแชมป์เรื่อยๆ เรียกได้ว่าถ้าไม่ได้ที่หนึ่งก็ต้องเกาะหัวแถวตลอด จนกระทั่งฤดูกาล ๑๙๙๑-๙๒ น็องต์ประสบวิกฤตการเงินอย่างหนัก จนสมาคมฟุตบอลฝรั่งเศสจะปรับให้ตกชั้นหากยังแก้สถานการณ์ไม่ได้ แต่เคราะห์ดี เจ้าของทีมคนเก่าขายหุ้นให้รายใหม่ไป และเปลี่ยนชื่อจาก แอฟ.เซ. น็องต์ เป็น แอฟ.เซ. น็องต์ แอตล็องติก

หลังผ่านวิกฤตการเงินได้ น็องต์ก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและกลับมาทวงบัลลังก์คืนได้ในฤดูกาล ๑๙๙๔-๙๕ ซึ่งถือเป็นฤดูกาล “มหัศจรรย์” ตลอด ๓๘ นัด น็องต์พบความปราชัยเพียงสองนัด นอกจากนี้ปราทิซ โลโก้ยังคว้าดาวซัลโวลีก เอิงไป ทำไป ๒๒ ประตู แถมรองดาวซัลโวก็ยังเป็นนิโกลาส์ อูเอเด๊คคู่ขาที่ทำไป ๑๘ ประตู ทีมชุดนี้เป็นวัยรุ่นล้วนๆที่ทีมสร้างมากับมือ และผลของการดังทะลุฟ้าในครั้งนี้ทำให้หลายคนขึ้นไปติดทีมชาติและมีทีมใหญ่ๆมาขอซื้อตัวไป

ปีถัดมา น็องต์ได้เข้าไปเล่นถ้วย UCL เป็นครั้งแรก โชว์ผลงานดีเกินคาด ปราบทีมดังๆมาเพียบ จนไปถึงรอบรองชนะเลิศ แพ้ยูเวนตุสไปด้วยประตูรวม ๔-๓ ปีนั้น มิคคาแอล ล็องโดร ผู้รักษาประตู แจ้งเกิดด้วยวัยเพียง ๑๗ ปี

นักบอลที่โด่งดังในชุดนั้นก็มี คริสติยอง การอมเบอ, ปาทริซ โลโก้, นิโกลาส์ อูเอเด๊ค, เรย์นัลด์ เปย์โดรส, โคล้ด มาเกเลเล่, ฌาเฟต เอ็นโดราม, เบอนัวต์ โกเอต์, ฌอง มิเชล แฟร์รี่ ยังไม่รวมถึงมาร์แซล เดอไซยี่ และดิดิเยร์ เดส์ชองส์ที่ขายให้มาร์เซย์ไปก่อนและ ฮอร์เก้ เบอร์รูชาก้า (คนนี้คู่ขาเสือเตี้ยมาราโดน่าในทีมชาติอาร์เจนติน่า เป็นคนยิงประตูสุดท้ายดับเยอรมันตะวันตกในนัดชิงฟุตบอลโลก ๑๙๘๖) ที่แขวนสตั๊ดไป

ทีมชุดนี้ทำให้ผมได้ยินชื่อน็องต์ครั้งแรก สมัยนั้นอยู่มัธยม อ่านสตาร์ซอคเกอร์ เวิร์ลด ซอคเกอร์หรือสยามกีฬาสตาร์ซอคเกอร์ จะได้ยินแต่ โอลิมปิก มาร์เซย์, เปแอสเช, โมนาโก ไม่ต้องพูดถึงลียงมหาอำนาจลูกหนังฝรั่งเศสปัจจุบันเลยครับ ตอนนั้นยังขึ้นๆลงๆระหว่างลีก เอิงกับลีก ๒ อยู่

น็องต์กลับมาเป็นแชมป์ลีก เอิงได้อีกครั้งในปี ๒๐๐๐-๐๑ โดยสวมวิญญาณม้าตีนปลายเร่งแซงลียงในช่วงท้ายฤดูกาล ก่อนที่สี่ฤดูกาลหลังสุดลียงจะขึ้นครองตำแหน่งมหาอำนาจลูกหนังแดนน้ำหอมอย่างเต็มตัวด้วยการกวาดแชมป์ลีก เอิงสี่สมัยรวด (ฤดูกาลหน้าจะเป็นการวัดความแกร่งของลียงอย่างแท้จริงว่าจะรักษามาตรฐานเดิมได้หรือไม่ภายใต้สถานการณ์ที่ผู้จัดการและนักเตะดังๆย้ายไปหมด)

น็องต์ชุดปี ๒๐๐๐-๐๑ มีนักเตะดังๆเช่น มิคคาแอล ล็องโดร (ประตูมือสามทีมชาติฝรั่งเศส) เอริค การ์ริแยร์ (อดีตทีมชาติฝรั่งเศส), วิโอเรล มอลโดวาน (หัวหอกโรมาเนีย), มาริโอ เยเปส (ปราการหลังทีมชาติโคลัมเบีย), ซิลแว็ง อาร์มองด์ (แบ็คซ้ายพึ่งขึ้นไปติดทีมชาติฝรั่งเศส), โอลิวิเยร์ มอนเตร์รูบิโอ (ปัจจุบันอยู่แรนส์ ช่วยยิงจนพาแรนส์อยู่ที่ห้าในขณะนี้) เอริค เฌมบ้า เฌมบ้า (ไปแมนฯยูฯ แต่โดนดองจนย้ายไปวิลล่า)

สรุปเกียรติประวัติของน็องต์นับแต่ก่อตั้งสโมสรมา เป็นแชมป์ลีก เอิงไป ๘ ครั้ง (1965, 1966, 1973, 1977, 1980, 1983, 1995, 2001) มากเป็นอันดับสามรองจากมาร์เซย์ที่ได้ไป ๙ สมัยและแซงต์ เอเตียนที่ได้ไป ๑๐ สมัย น็องต์ยังเป็นรองแชมป์ลีก เอิงอีก ๘ สมัย แชมป์เฟรนช์คัพ ๓ ครั้ง (1979, 1999, 2000) และแชมป์โทรฟี่แห่งแชมป์ (เทียบเท่าแชริตี้ชีลด์) อีก ๒ ครั้ง (1999, 2001)

..................

ชื่อเสียงของน็องต์อยู่ที่ฝีมือการปั้นนักเตะ ซึ่งเป็นไปตามหลักการพื้นฐานเมื่อคราวก่อตั้งสโมสรเมื่อปี ดังที่นายมาร์แซล โซแป็ง ผู้ก่อตั้งสโมสรกล่าวไว้ว่า “สโมสรฟุตบอลน็องต์เป็นสมาคมกีฬาที่ไม่มีระยะเวลาจำกัด มีวัตุประสงค์เพื่อพัฒนาสภาพร่างกายและจิตใจของเยาวชนด้วยกีฬาฟุตบอลและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสมาชิก”

ถ้าถามว่าทีมไหนเป็นอาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัมของฝรั่งเศสที่คอยปั้นนักบอลส่งทีมใหญ่ๆ เห็นทีจะหนีไม่พ้นโอแซร์ และน็องต์

ทั้งสองสโมสรมีโรงเรียนฟุตบอลของตนเอง บรรดาผู้ปกครองที่เห็นว่าลูกๆมีแววจะเป็นนักบอลได้ก็จะพามาเข้าโรงเรียนฟุตบอลของน็องต์และโอแซร์

โรงเรียนฟุตบอลของน็องต์ชื่อ โฌแนลลิแยร์ ตั้งอยู่หลังบ้านผมนี่เองครับ เดินไปสิบห้านาทีถึง ผมเคยเห็นหลักสูตรโรงเรียนฟุตบอลของน็องต์แล้ว เขาให้เรียนหนังสือไปด้วย พอช่วงบ่ายก็เรียนแต่ฟุตบอล ใครมีฝีมือก็คัดขึ้นไปเล่นชุด ๑๔ ปี ๑๖ ปี และ ๑๘ ปีตามลำดับ ไม่ได้มีแต่คนฝรั่งเศสเท่านั้น ผมเห็นชาติอื่นๆก็เยอะ บางครั้งแมวมองก็ไปหาเด็กๆจากยุโรปตะวันออกและแอฟริกามาเข้าโรงเรียนที่นี่ด้วย

ผมลองกดไล่ดูข้อมูลนักฟุตบอลชุดใหญ่ในปัจจุบันของน็องต์ เกือบทุกคนเป็นผลผลิตจากโรงเรียนฟุตบอลโฌแนลลิแยร์ทั้งนั้น

ผลงานการปั้นนักบอลจนขึ้นไปเล่นทีมชาติฝรั่งเศสมีหลายคนมากแต่ปัจจุบันเลิกเล่นและย้ายทีมไปหมด ตั้งแต่ มาร์แซล เดอไซยี่, ดิดิเยร์ เดส์ชองส์, คริสติยอง การอมเบอ, ปาทริซ โลโก้, นิโกลาส์ อูเอเด๊ค, เรย์นัลด์ เปย์โดรส, โคล้ด มาเกเลเล่, เบอนัวต์ โกเอต์, ฌอง มิเชล แฟร์รี่, เอริค การ์ริแยร์, ซิลแว็ง อาร์มองด์

ทุกวันนี้โรงเรียนโฌแนลลิแยร์ประกาศเกียรติคุณของตนเองเสมอมาว่า โรงเรียนได้สร้างแชมป์โลกถึงสามคน คือ มาร์แซล เดอไซยี่, ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ และคริสติยอง การอมเบอ

ปัจจุบันที่ยังอยู่ในทีมก็มีทั้ง ประเภทดังไปแล้วและรอวันย้ายทีม และประเภทกำลังรุ่งและรอวันดัง

มิคคาแอล ล็องโดร ผู้รักษาประตูและกัปตันทีมวัย ๒๖ ปี ลงเล่นชุดใหญ่ครั้งแรกตั้งแต่อายุ ๑๗ ปี ปัจจุบันติดทีมชาติฝรั่งเศสแต่ยังเป็นมือสาม คิดว่าหลังฟุตบอลโลก ๒๐๐๖ คงขึ้นมาเป็นมือหนึ่ง ล็องโดรมีชื่อในด้านการรับลูกจุดโทษ ถ้าคุณปิ่นยังจำได้ ถ้วย ที่ เคยพบแมนฯยูฯ ล็องโดรโชว์เซฟจุดโทษจากการยิงของใครหว่าผมจำไม่ได้

คนนี้มีข่าวทุกปีครับว่าจะย้าย ทีมใหญ่ๆมาตามเกี้ยวพาราสีตลอด ถ้าผมจำไม่ผิด สมัยก่อนแมนฯยูฯกับอาร์เซน่อลก็เคยจะเอา หลังๆเป็นทีมในประเทศที่อยากได้ตัว ผมคิดว่าปีหน้าคงไปแน่ เต็งหนึ่งที่จะเอาตอนนี้ก็มีเปแอสเช

อีกคนหนึ่ง เจเรมี่ ตูลาล็อง มิดฟิลด์ห้องเครื่อง ปีนี้คว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของลีก เอิงไปด้วย ไม่กี่เดือนก่อนมีข่าวว่าเวนเกอร์กำลังจีบไปอาร์เซน่อลเพื่อแทนวิเอร่าในอนาคต

นอกจากนั้นยังมีอีกสามคนที่อยู่ในทีมชาติฝรั่งเศสชุดคว้าแชมป์โลกอายุไม่เกิน ๑๗ ปีเมื่อปี ๒๐๐๑ ได้แก่ เออแมส เฟย์ มิดฟิลด์ตัวรับ, สตีเฟน ดรูแอ็ง กราบขวา และลุยจิ กลอมบาร์ด กองหน้า

ส่วนทีมชาติฝรั่งเศสชุดคว้าแชมป์ยุโรปอายุไม่เกิน ๑๗ ปีเมื่อปี ๒๐๐๔ ก็มีนักเตะจากโรงเรียนฟุตบอลของ อีกสามคน คือ ฌอง-คริสโตฟ เก็ตโต้, คาริม เอล มารูเบต์ และสตีเฟน ติโกต์

.....................

ในปีนี้สาเหตุที่น็องต์ตกต่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมคิดว่ามาจากสามประเด็นหลัก

หนึ่ง สถานการณ์ในวงการฟุตบอลปัจจุบันไม่เอื้อต่อทีมที่สร้างนักเตะขึ้นเอง

จากกฎบอสแมนและความเป็นเจ้าบุญทุ่มของทีมมหาอำนาจ ยิ่งทำให้ทีมเล็กๆที่สร้างนักบอลขึ้นเองอยู่ไม่ได้ เงินไม่มีพอไปซื้อนักบอลดีๆ แถมตัวดีๆที่มีก็ต้องขายไปเอาเงินเข้าสโมสร ซ้ำร้ายบางครั้งเจอกฎบอสแมนเข้าไปอีก ทีมใหญ่ๆฉกนักบอลดีๆไปฟรีๆโดยการจูงใจด้วยค่าเหนื่อยแพงๆซึ่งทีมเล็กไม่มีปัญญาให้ได้

ที่พอเอาตัวรอดก็มีอย่างโอแซร์กับอาแจ๊กซ์ยังได้ไปเล่นถ้วยยุโรปทุกปีแต่ผลงานก็ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน ที่เอาตัวไม่รอดอย่างลีดส์กับเวสต์แฮมก็ต้องตกชั้นไป หรือฟอเรสต์ที่หล่นไปไกลถึงลีกวัน (ดิวิชั่นหนึ่งในชื่อเดิม หรือ ดิวิชั่นสองในชื่อเดิมกว่า)

น็องต์ก็หนีไม่พ้นจากวัฏจักรนี้

ต่อไปทีมที่จะเป็นแชมป์ได้ไม่เพียงแต่มีนักบอลดี โค้ชดี แต่ต้องมีผู้บริหารเจ๋งๆที่สวมวิญญาณนายทุนเต็มที่ รู้จักทำมาค้าขาย ซื้อมาขายไป มีแผนการตลาดดีๆ เอาสโมสรเข้าตลาดหุ้น ฯลฯ ทำอย่างไรได้ครับ ฟุตบอลเป็นธุรกิจเต็มตัวไปแล้ว

ล่าสุดมีข่าวว่า ฌอง-ลุค กริปงด์ ประธานคนปัจจุบันจะขายทีม ไม่รู้ว่าน้าแม้วหรือนายทุนไทยคนไหนสนใจมั้ย? ผมว่าถ้าต้องการพัฒนาเด็กไทยจริงๆน่าจะส่งมาที่ฝรั่งเศสจะเหมาะกว่าอังกฤษ ผมเห็นส่งไปคริสตัล พาเลซ, ฮัดเดอร์สฟิลด์, ล่าสุดเอฟเวอร์ตันไม่เห็นได้อะไรเลย หารู้ไม่ว่าเด็กๆตกเป็นเหยื่อการตลาดของนายทุนไปแล้ว ลีกอังกฤษมีปัญหาเรื่องขอเวิร์ก เพอร์มิตมาก ถ้าอยากมีโอกาสลงเล่นและเรียนรู้จากเค้าตั้งแต่เด็กๆ ผมว่าฝรั่งเศสและฮอลแลนด์เหมาะกว่าเยอะ

สอง ขายนักเตะกำลังสำคัญไปเยอะ

ปีนี้น็องต์ขายกำลังหลักไปสามคน คือ มาริโอ เยเปส เซนเตอร์ฮาล์ฟและซิลแว็ง อาร์มองด์ แบ็คซ้าย (คนนี้ยิงดับลาซิโอใน มาแล้ว) ทั้งสองคนย้ายไปเปแอสเช อีกคนคือ มาฮาม่า วาอิรัว กองหน้าตัวจี๊ด ขายไปให้นีซ นอกจากนี้ยังมีวิโอเรล มอลโดวานกองหน้าโรมาเนียที่ย้ายกลับไปเล่นที่บ้านเกิด

เมื่อขายไปเยอะในขณะที่ตัวใหม่ๆที่ดันขึ้นมาเล่นยังทดแทนไม่ได้ ก็ไม่น่าแปลกใจที่ผลงานดำดิ่งลงเรื่อยๆ

สาม ยิงประตูได้น้อยมาก

ปัญหาสำคัญในปีนี้คือทุกคนสวมวิญญาณสิงห์ปืนฝืด เล่นมา ๓๗ นัด ยิงไปได้แค่ ๓๒ ประตู เฉลี่ยยิงนัดละไม่ถึงประตู กลายเป็นทีมที่ยิงประตูน้อยที่สุดเป็นอันดับสอง ดาวซัลโวประจำทีม คือ มามาดู บากาโยโก้ ยิงไป ๗ ลูก เมื่อยิงเค้าไม่ได้ก็มีแต่แพ้กับเสมอ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้หนีตกชั้นยังไงไหวล่ะครับ

ผมไปดูที่สนามมาหลายนัด เห็นแล้วก็ละเหี่ยใจ ครองบอลดี เคาะไปมาสวยงาม (อันนี้เป็นสไตล์ของทีมจอมปั้น) แต่จบสกอร์ไม่ได้ บางทียิงนำไปได้ก็ไม่นิ่งพอ มักโดนไล่ตีเสมอช่วงท้ายเกมบ่อยๆ

จริงๆก่อนหน้านี้น็องต์แต้มห่างจากพื้นที่สีแดงพอควร แต่หลังๆเสมอบ่อย ขณะที่ทีมหนีตายกลับชนะรวด จนกระทั่งนัดที่แล้ว น็องต์พลาดท่าแพ้ไป ๑-๐ แบบบุกแทบตายแต่ยิงไม่ได้ ส่วนทีมหนีตายทุกทีมชนะหมด ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าน็องต์เผชิญสถานการณ์ที่โหดที่สุดกว่าทุกทีม

สถานการณ์ในขณะนี้ อันดับที่ ๒๐ คือ อิสต์รซึ่งตกชั้นไปแน่นอนเป็นทีมแรกแล้ว มีอีก ๕ ทีมตั้งแต่ที่ ๑๕ ถึง ๑๙ ที่ต้องร่วมกันหนีตายในนัดที่ ๓๘ นัดสุดท้าย

ที่ ๑๕ บอร์กโดซ์ มี ๔๓ แต้ม ลูกได้เสีย ลบ ๔
ที่ ๑๖ อฌักซิโอ้ มี ๔๒ แต้ม ลูกได้เสีย ลบ ๖
ที่ ๑๗ ก็อง มี ๔๒ แต้ม ลูกได้เสีย ลบ ๒๓
ที่ ๑๘ บาสเตีย มี ๔๑ แต้ม ลูกได้เสีย ลบ ๑๔
ที่ ๑๙ น็องต์ มี ๔๐ แต้ม ลูกได้เสีย ลบ ๖

จาก ๕ ทีมนี้จะเอาอีก ๒ ที่ต้องตามอิสตร์ไปเล่นลีก ๒ ในฤดูกาลหน้า

นัดสุดท้ายวันเสาร์ที่ ๒๘
บอร์กโดซ์ เปิดบ้านรับ มาร์เซย์ ที่ลุ้นไปยูฟ่าคัพ
อฌักซิโอ้ เปิดบ้านรับ โซโชซ์ ที่ลุ้นพื้นที่อินเตอร์ โตโต้คัพ
ก็อง ไปเยือน อิสตร์ ที่ตกชั้นไปแล้ว
บาสเตีย ไปเยือน สตราสบูร์ก ที่ไม่ได้ลุ้นอะไร
น็องต์ เปิดบ้านรับ เม็ตซ์ ที่รอดตกชั้นแล้ว

ดูๆแล้ว บอร์กโดซ์เจอของแข็งที่สุด แต่ว่าได้เปรียบที่เล่นในบ้าน และมีแต้มตุนไว้เยอะที่สุด ขอเพียงแพ้ไม่เกิน ๑-๐ ก็รอดแล้ว ก็องกับบาสเตียเจองานเบา อฌักซิโอ้ได้เปรียบที่เล่นในบ้าน เพราะทั้งปีพึ่งแพ้ในบ้านไปสองนัด น็องต์งานเบาลงเมื่อเม็ตซ์รอดตกชั้นไปแล้ว และมีลูกได้เสียดีกว่าทีมอื่น แต่แม้จะชนะก็ต้องดูผลคู่อื่นๆด้วย

น็องต์จะรอดตกชั้นเมื่อทีมอื่นๆเสมอหรือแพ้และตนชนะ แซร์จ เลอ ดิเซต์ ผู้จัดการทีม (อดีตเป็นผู้รักษาประตูน็องต์ชุดรุ่งเรืองปี ๑๙๙๔-๙๕ และโค้ชทีมเยาวชน) ออกมาให้สัมภาษณ์แบบคนหมดอาลัยตายอยากราวกับจะร้องไห้หลังจบเกมที่แล้วว่า อนาคตของเราไม่อาจขีดได้ด้วยมือเราแต่เพียงลำพังเสียแล้ว กล้องทีวีจับภาพแฟนบอลที่เข้าไปชมเกมที่แล้ว ร่ำไห้กันเป็นแถบๆครับ

รายการ Téléfoot เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เชิญมาร์แซล เดอไซญี่ มาออก ผู้ดำเนินรายการถามถึงประเด็นนี้ เดอไซญี่ในฐานะเด็กปั้นของน็องต์บอกว่า แปลกใจเหมือนกัน เค้าไม่เคยคิดว่าในชีวิตจะเห็นน็องต์อยู่ในสภาพเสือลำบากขนาดนี้ เดอไซญี่ยังมั่นใจว่านัดสุดท้ายจะมีปาฏิหาริย์ที่ทำให้น็องต์รอดตายได้

การหนีตายเฮือกสุดท้ายของน็องต์ ประเภทที่ว่าขาข้างหนึ่งหล่นไปลีก ๒ ในขณะนี้ เป็นข่าวเด่นประเด็นร้อนในแวดวงกีฬาฝรั่งเศส มีทั้งอารมณ์ช็อค อารมณ์เสียดายไม่อยากให้เกิดขึ้น

จะไม่ให้เป็นได้อย่างไรครับ ก็น็องต์อยู่ยงคงกระพันมาในลีกเอิง ปีนี้เป็นปีที่ ๔๒ ติดต่อกัน ยาวนานกว่าทีมอื่นๆ มหาอำนาจอย่างแซงต์ เอเตียน (พลาตินี่เริ่มดังที่นี่) ก็หล่นไปและพึ่งกลับมาได้ในปีนี้ หรือมาร์เซย์ก็โดนปรับลดชั้นฐานจ้างล้มบอลมาแล้ว

ผมเกรงว่าถ้าหล่นปีนี้แล้วจะหล่นยาว แบบไปจนกู่ไม่กลับหรือเปล่า? เพราะสภาพการณ์ปัจจุบัน ทีมจอมปั้นคงอยู่ได้ลำบาก

ในทางกลับกัน ไม่แน่ถ้ารอดตายปีนี้ ปีหน้าอาจจะวิ่งฉิวกลับไปลุ้นแชมป์ก็ได้ (อันนี้ผมฝันเอาเอง)

......................

ผมซื้อตั๋วนัดสุดท้ายไว้เรียบร้อยแล้ว ราคาถูกแบบเหลือเชื่อครับ ตั๋วฝั่งหลังโกล์ปกติราคาอยู่ที่ ๑๕ ยูโร แต่นัดนี้เหลือแค่ ๕ ยูโร ขณะที่ด้านข้างที่แพงที่สุดเดิม ๔๐ ยูโร นัดนี้เหลือแค่ ๑๕ ยูโร อย่างไรก็ตามผมก็ซื้อตั๋วหลังโกล์มา อย่าคิดว่าผมงกนะครับ เรื่องของเรื่องกองเชียร์ขาประจำนิยมหนังหลังโกล์ แล้วเชียร์กันมันมาก

หลังเกมนี้ผมคงได้ประสบการณ์แปลกใหม่แน่นอนครับ ในแง่ดี หากน็องต์รอดตาย ผมก็มีโอกาสร่วมอยู่ในบรรยากาศดีใจราวกับเป็นแชมป์ของกองเชียร์ (ดูเวสต์บรอมวิชเป็นตัวอย่างได้) ในแง่ร้าย หากน็องต์ตกชั้น ผมก็ได้ร่วมเศร้าและอยู่ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์อันหนึ่งในวงการฟุตบอลฝรั่งเศส

เสาร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๐๐๕ ตั้งแต่ ๑๙.๐๐ ก่อนเกมเริ่มหนึ่งชั่วโมง ณ สนาม สต๊าด เดอ ลา โบชัวร์ เมืองน็องต์ ประเทศฝรั่งเศส ผมจะสวมหมวกสโมสร แขวนผ้าพันคอสโมสร เข้าสนามไปร่วมเปล่งเสียงเชียร์ดังๆกับเหล่า เลส์ กานารีส์

“Allez les jaunes”
“Allez les nantais”
“Qui n’est sautais pas n’est pas nantais”

นกขมิ้นของพรีเมียร์ชิพอังกฤษร่วงไปแล้วหนึ่งตัว หวังว่านกขมิ้นของลีกเอิงจะไม่ร่วงตามไปด้วยนะครับ

6 ความคิดเห็น:

Blogger The Corgiman กล่าวว่า...

ทั้งนองต์และบอร์กโดซ์ ต่างก็เคยเป็นทีมระดับแนวหน้าของฝรั่งเศส แต่กลับต้องมาลุ้นหนีตายกันในนัดสุดท้ายเนี่ย ...เฮ้อ

ผมว่ากฎบอสแมนเนี่ยน่าสนใจมากๆ ผลกระทบของกฎนี้ต่อการแข่งขัน คุณภาพของเกม ฯลฯ น่าคิดว่าอีกหน่อย เราอาจจะมี world league ที่แข่งกันเฉพาะทีมรวยๆ แยกออกมาต่างหาก เพราะทีมอีกจำนวนมากไม่มีปัญหาแข่ง ถึงจับมาเตะกัน ก็แพ้วันยังค่ำ

4:27 ก่อนเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เฮ้อ....ฟุตบอล

5:51 ก่อนเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ดูบอลฝรั่งเศสไม่เป๋นเจ้า...

7:10 ก่อนเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นึกว่า ท่านนิติรัฐฯ จะเขียนเรื่อง คำพิพากษาศาลฎีกา ในคดี ปปช. ขึ้นเงินเดือนตัวเอง ซะอีก ถ้าเขียนแล้วบอกด้วยครับ

Pol@U.S.A.

2:17 ก่อนเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ชนะแล้วนิ ไม่ตกชั้นด้วย ยินดีด้วย
(ไม่ได้ดูหรอก ตื่นเช้ามาอ่านเวบวอนนาดูอ่า)

7:51 ก่อนเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ดีใจด้วยครับ Nantes ที่รอดมาได้ เห็นภาพฉลองกันแล้ว อารมณ์เดียวกับที่ลียงเลยครับ

แม้ว่าผมจะเป็นแฟน OL ด้วยเหตุผลเดียวกับที่คุณเป็นแฟนทีม Nantes ผมก็นั่งลุ้นสกอร์อยู่ตลอด 90 นาที เพราะ Nantes ก็เป็นที่ผมชื่นชอบมากทีมนึง โดยเฉพาะสมัยที่ Denouiex พาทีมเป็นแชมป์กับการเล่นบอลจังหวะเดียวที่สวยงามเป็นทีมเป็นระบบ จนเรียกกันว่า le jeu à la nantaise สมัยที่ Carrière อยู่ในช่วงพีคสุด ๆ (ก่อนที่จะถูกลียงดูดเอาไป)

แต่ด้วยวัฎจักรของฟุตบอลและอำนาจเงินในวงการฟุตบอลสมัยนี้ Nantes ก็ต้องประสบกับชะตากรรมเดียวกับหลายๆ สโมสรของฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็น Monaco Bordeaux Marseille Auxerre ที่มักจะถูกอำนาจของเม็ดเงินสูบนักเตะคนสำคัญ ๆ ของทีมออกไปในช่วงปิดฤดูกาล จนทีมไม่สามารถยืนระยะอยู่ได้

ประธานสโมสรของลียงเข้าใจในจุดนี้ จึงพยายามที่จะรักษาความต่อเนื่องของทีมเอาไว้ ซึ่งก็ทำมาได้หลายฤดูกาล แต่ปีนี้เมื่อนักเตะเป็นที่รู้จักในยุโรปมากขึ้น การปฎิเสธข้อเสนอดี ๆ ก็น่าจะทำได้ลำบากมากขึ้น ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า ลียงจะสามารถรักษานักเตะหลักๆของทีมชุดนี้ไว้ได้มากน้อยแค่ไหน

ปล.ผมตามลิงค์มาเรื่อย ๆ เห็นเขียนเกี่ยวกับฟุตบอลฝรั่งเศส ก็เลยแวะเข้ามาซะหน่อย

5:23 หลังเที่ยง  

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก