วันเสาร์, มกราคม 27, 2550

เก็บมาฝาก

ก่อนเริ่มปั่นวิทยานิพนธ์วันนี้ ขอแว้บมาอัพเดทบล็อกเสียหน่อย

ไปอ่านเจอเรื่องน่าสนใจ เก็บมาฝากกัน ๓ เรื่อง

เรื่องแรก

เป็นกิจวัตรหลังตื่นนอน ผมต้องกินกาแฟ กับอ่านหนังสือพิมพ์ Le Monde ผ่านทางเน็ต เจอข่าวน่าสนใจ

วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๐๐๗ ศาลแขวงเมืองมงต์เปลลิเยร์พิพากษาลงโทษปรับนายจอร์จ เฟรช เป็นเงิน ๑๕,๐๐๐ ยูโร พร้อมสั่งให้นายเฟรชพิมพ์เผยแพร่คำพิพากษานี้ผ่านหนังสือพิมพ์ ๖ ฉบับ

กล่าวสำหรับนายเฟรชผู้นี้ เป็นประธานแคว้น ลองเกด็อก รูซิลยง (แคว้นนี้ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส มีมงต์เปลลิเยร์เป็นเมืองหลวงประจำแคว้น ตำแหน่งประธานแคว้น ก็คือ ผู้บริหารสูงสุดในแคว้นนั้น) สังกัดพรรคสังคมนิยม

ความเดิมเริ่มจาก เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๐๐๖ มีพิธีสดุดีเกียรติยศให้แก่อดีตโฆษกของประชาคม Pied-Noir ที่เมืองมงต์เปลลิเยร์ (พวก Pied-Noir หมายถึง ชาวฝรั่งเศสที่เกิดในแอลจีเรีย ในสมัยที่แอลจีเรียยังเป็นส่วนหนึ่งของฝรั่งเศส Pied-Noir ผู้มีชื่อเสียง ก็เช่น อัลแบร์ กามูส์ นักเขียน, ปาทริค บรูแอล นักร้อง)

ปรากฏว่ากลุ่ม Harki (หมายถึง คนแอลจีเรียที่เข้าร่วมกับกองทัพฝรั่งเศสเพื่อไปรบกับแอลจีเรีย ถ้าใครได้ดูหนังเรื่อง Indigène ที่นักแสดงนำชายสามคนได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเมืองกานส์ คงจะพอทราบ) ได้เข่าร่วมพิธีดังกล่าวด้วย

บังเอิญว่าพิธีนี้จัดขึ้นโดยสมาชิกพรรค UMP พรรครัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งเป็นพรรคมรดกตกทอดมาจากระบอบชาร์ล เดอโกลล์

เป็นชาร์ล เดอโกลล์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสในสมัยนั้นที่มีนโยบายแข็งกร้าวกับแอลจีเรีย ไม่เต็มใจปล่อยให้แอลจีเรียเป็นเอกราช

นายเฟรชก็เลยบันดาลโทสะ บริภาษด่าพวก Harki เสียเละเทะว่า “พวกคุณมาร่วมงานกับพวก Pied-Noir ได้ยังไง งานนี้จัดโดยพวกโกลลิสต์ พวกนี้มันส่งคุณไปตายในสงครามกับแอลจีเรีย เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพวกมันในแอลจีเรีย แล้วพวกคุณยังมาเลียร้องเท้ามันอีก พวกคุณเป็นทาส (Sous-hommes) ไม่มีศักดิ์ศรีเอาเสียเลย”

คำบริภาษรุนแรงของเฟรชทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โต กลุ่ม Harki ฟ้องศาลว่านายเฟรชหมิ่นประมาทพวกตน

ด้านนายเฟรชอ้างว่า ตนไม่ได้เหมารวมกลุ่ม Harki ทั้งหมด แต่หมายถึง Harki เป็นคนๆไปที่ไปร่วมพิธีกับพวก Pied-Noir และพรรค UMP เฟรชยืนยันว่าเขายังคงสนับสนุนกลุ่ม Harki อยู่เสมอ แต่ที่พูดไปก็เพราะความโกรธ

เฟรชคงคิดว่า ก็ในเมื่อพวกโกลลิสต์ ทำเรื่องโหดร้ายกับ Harki ส่งพวก Harki ซึ่งเป็นคนแอลจีเรีย ไปรบกับคนแอลจีเรียเอง ในสงครามนั้น พวก Harki ตายไปเกือบแสนคน ไฉนดันไปร่วมพิธีกับพวกโกลลิสต์ได้อีก

นอกจากคดีนี้แล้ว เฟรชยังไปปากหมาผิดที่ผิดทางอีกครั้งด้วยการบ่นทีมฟุตบอลฝรั่งเศส

วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ปีที่แล้ว ก่อนฝรั่งเศสจะเตะยูโรรอบคัดเลือกกับสก็อตแลนด์ เฟรชกล่าวว่า ทีมฝรั่งเศสมีแต่นักเตะผิวดำ ฉายา เลส เบลอส์ (สีน้ำเงิน) น่าจะเปลี่ยนเป็น เลส นัวร์ (สีดำ)

น่าแปลกใจไม่น้อย เฟรชซึ่งสังกัดพรรคสังคมนิยม ฝ่ายซ้าย แต่ทำไมดันมามีรสนิยมเหยียดหยามเชื้อชาติ สีผิว เช่นนี้

คณะกรรมการสอบสวนของพรรคสังคมนิยมบอกว่า คำพูดและการกระทำของเฟรชหลายต่อหลายครั้ง ขัดกับอุดมการณ์พื้นฐานของพรรคอย่างร้ายแรง

พรรคสังคมนิยมจึงมีมติเมื่อสักครู่นี้เอง ให้เฟรชพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค

เฟรชยืนยันว่าแม้เขาจะพ้นจากสมาชิกพรรค แต่เขาจะไม่ลาออกจากตำแหน่งประธานแคว้น เพราะตำแหน่งนี้ประชาชนในแคว้นเลือกเขามา ไม่ใช่สมาชิกพรรค

จะว่าไป ที่ฝรั่งเศสก็มีประเด็นอ่อนไหวที่ห้ามแสดงออกในที่สาธารณะเหมือนๆกับเมืองไทย (บ้านเราคงเป็นเรื่องกษัตริย์ที่พูดออกอากาศไม่ได้)

เท่าที่ผมสังเกตดูก็มีเรื่องการเหยียดสีผิว เชื้อชาติ ศาสนา หรือเรื่องการยกย่องหรือพูดในทำนองว่าพวกนาซีไม่ผิด (เมื่อสองปีก่อนก็มีคดีของนายบรูโน่ กอลนิช ศาสตราจารย์กฎหมายมหาวิทยาลัยลียง ๓ และรองหัวหน้าพรรค ขวาจัด ที่ไปยกย่องพวกนาซีเข้า เลยโดนนักศึกษาประท้วง เป็นเรื่องราวใหญ่โตถึงขั้นปิดมหาวิทยาลัยและให้นายกอลนิชพักการสอนทีเดียว)

น่าคิดว่า แล้วความเสมอภาคในเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา สีผิว จะไปขัดกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นหรือไม่? เกิดมีใครต้องการแสดงความเห็นโดยสุจริตใจวิจารณ์ศาสนาใดศาสนาหนึ่ง หรือแสดงหลักฐานใหม่เพื่อสนับสนุนนาซี จะทำได้มากน้อยเพียงใด?

เรื่องที่สอง

มีข่าวจาก asia sentinel มาฝากกัน

Long Live the King!

http://www.asiasentinel.com/index.php?option=com_content&task=view&id=353&Itemid=31

เรื่องที่สาม

บทความของ ส.ศิวรักษ์

จากเว็บไซต์ http://www.sulak-sivaraksa.org

เรื่อง ข้อคิดความเห็นเกี่ยวกับวชิรสมโภชสิริราชสมบัติ
http://www.sulak-sivaraksa.org/th/index.php?option=com_content&task=view&id=229&Itemid=3

นอกจากเรื่องนี้ยังมีเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจอีก ลองค้นๆหาดูได้

วันศุกร์, มกราคม 26, 2550

ชวนอ่าน "ก่อนจะเป็นทะเลใจ"

พึ่งกลับมาครับ

กลับมาจากเที่ยว สเปน - โปรตุเกส

ไปมาหลายที่มาก ดังวงจรต่อไปนี้ น็องต์ - ปารีส - มาดริด - โทเลโด้ - เซโกเวีย - กูเอนก้า - กรานาด้า - เซบีญ่า - ลิสบอน - โอบิดูส - นาซาเร - ฟาติมา - ซินทรา - ลิสบอน - ปารีส - น็องต์

ตอนนี้ขอปั่นงานใช้หนี้ส่งอาจารย์ก่อน สัปดาห์หน้าจะทยอยเล่าให้ฟัง

ส่วนเรื่อง บล็อก แท็ก นั้น ไม่ลืมๆ เช่นกัน ขอยกยอดไปสัปดาห์หน้า

วันนี้ มีงานดีๆจากบล็อกของ "คนมองหนัง" มาฝาก เรื่อง ก่อนจะเป็น "ทะเลใจ"

ผมอ่านเจอนานแล้วล่ะ อยากแบ่งปันให้อ่านกัน

http://konmongnang.exteen.com/20061001/entry

อ่านแล้วก็ลองมองย้อนกลับมาดู รัฐประหาร ๑๙ กันยา ๔๙

หากที่กล่าวว่า แอ๊ด แต่งเพลง "ภควัทคีตา" เพื่อชวนเชิญให้ ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลชาติชาย เป็นความจริง

สนธิ ลิ้มฯ, พันธมิตรฯ, ผู้มีปัญญาทั้งหลาย ก็อาจเป็นเหมือนแอ๊ดเช่นกัน ที่ชวนเชิญ (ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม) ให้ทหารมารัฐประหารรัฐบาลทักษิณ

อยู่ที่ว่า ตอนจบ สนธิ ลิ้ม, พันธมิตรฯ, และผู้มีปัญญาทั้งหลาย จะต้องออกมาแต่งเพลง "ทะเลใจ" เหมือนแอ๊ด หรือไม่?

วันเสาร์, มกราคม 06, 2550

ศาลปกครองฝรั่งเศสห้ามสมาคมการกุศลแจกจ่ายซุปหมู

นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ Le monde (http://www.lemonde.fr/) ไปเจอข่าวเล็กๆน่าสนใจข่าวหนึ่ง เอามาฝากกัน

ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า สมาคมการกุศล Solidarité Des Français (ซึ่งแปลว่า “การพึ่งพากันฉันมิตรในหมู่คนฝรั่งเศส” สมาคมนี้มีรสนิยมทางการเมืองขวาจัด) ต้องการแจกจ่ายอาหารให้แก่พวกคนไร้บ้านที่เร่ร่อนอยู่ในปารีส

ดูแล้วก็ไม่น่าแปลกอะไรใช่มั้ยครับ ใจบุญซะอีก แต่มาเป็นประเด็นร้อนตรงที่สมาคมนี้จะแจกจ่ายแต่ “ซุปหมู” เท่านั้น นั่นก็หมายความว่าคนมุสลิมไม่สามารถรับการแจกจ่ายอาหารจากสมาคมนี้ได้ เพราะ ศาสนบัญญัติห้ามบริโภคหมู

ผู้ว่าการจังหวัดปารีสเห็นท่าไม่ดี จึงออกคำสั่งห้ามสมาคมแจกจ่ายอาหาร ด้วยเหตุผลที่ว่า การแจกจ่ายเฉพาะซุปหมูเป็นการเลือกปฏิบัติ อาจก่อให้เกิดการกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสาธารณะได้ และยังเป็นการริเริ่มการเหยียดผิว ศาสนา และเชื้อชาติ

สมาคม Solidarité Des Français ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของจังหวัดปารีส จึงฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้นปารีสให้ระงับคำสั่งห้ามแจกจ่ายซุปหมูไว้เป็นการชั่วคราว ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า คำสั่งของจังหวัดปารีสกระทบต่อเสรีภาพของสมาคมอย่างร้ายแรง จึงสั่งให้ระงับคำสั่งของจังหวัดปารีสไว้เป็นการชั่วคราวตามคำขอของสมาคม

จังหวัดปารีสและกระทรวงมหาดไทยอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด

ในที่สุด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุดตัดสินเพิกถอนคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น นั่นก็หมายความว่า ให้คำสั่งของจังหวัดปารีสมีผลเช่นเดิม

เป็นอันว่า สมาคม Solidarité Des Français ห้ามแจกจ่ายเฉพาะซุปหมู

ทางสมาคมออกมากล่าวว่า พวกเขาไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด เมื่อคนมุสลิมไม่สามารถกินหมูได้ ก็ควรไปรับการแจกจ่ายอาหารจากสมาคมการกุศลที่ตั้งขึ้นมาโดยพวกมุสลิมด้วยกันเอง ไม่ได้หมายความว่าในปารีสจะมีสมาคมการกุศลเพียงสมาคมเดียว ยังมีสมาคมอื่นเป็นทางเลือกให้รับความช่วยเหลืออีกมาก

ผมเข้าไปดูเว็บไซต์ของสมาคมแล้ว http://www.association-sdf.com

พบว่าสมาคมนี้มีวัตถุประสงค์ช่วยเหลือคนเร่ร่อนชาวฝรั่งเศสแท้ๆ พวกเขายกตัวอย่างให้เห็นว่ารัฐบาลฝรั่งเศสชอบทำตัวเป็นพ่อพระ ไปช่วยเหลือชาวต่างชาติ แต่ละปีเสียงบประมาณหลายร้อยล้านยูโร แต่ยังมีชาวฝรั่งเศสแท้ๆเองอีกจำนวนมากที่ไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาล

สมาคมจึงมีวัตถุประสงค์หลัก คือ การช่วยเหลือชาวฝรั่งเศสด้วยกันก่อน

สโลแกนหลักๆ ก็เช่น “Pas d'argent pour nos pauvres ?” (ไม่มีเงินเหลือให้กับคนจนของพวกเราเลยหรือ), “Les nôtres avant les autres !” (พวกเราก่อน คนอื่นทีหลัง) เป็นต้น

เมื่อรู้ถึงวัตถุประสงค์ของสมาคมแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่เหตุใดสมาคมจึง “หัวใส” แจกจ่ายอาหารที่ทำจากหมูเป็นหลัก

ประเด็นสำคัญของกรณีนี้อยู่ที่ว่า เสรีภาพของสมาคมการกุศลจะมีขอบเขตอยู่ที่ใด สมาคมอ้างว่าทำสาธารณกุศล เงินก็มาจากการบริจาค อาหารแจกฟรี หากใครกินไม่ได้ ก็มีทางเลือกอื่น ในขณะที่ทางราชการก็มองว่า สมาคมมีวัตถุประสงค์ต้องการกีดกันไม่ให้คนมุสลิมได้รับการช่วยเหลือจากสมาคม

ผมเห็นว่าคดีนี้อาจวางหลักต่อไปได้ว่า แล้วในท้ายที่สุดสมาคมการกุศลมีสิทธิเลือกกลุ่มเป้าหมายที่จะรับความช่วยเหลือจากสมาคมได้หรือไม่

วันอังคาร, มกราคม 02, 2550

ข้อสังเกตเล็กๆน้อยๆ

๑. รายชื่อ สสร ๑๐๐ คน ออกเรียบร้อย ดูแล้วก็พอจะคาดเดาได้ว่าใครบ้างที่จะเข้าไปเป็น ๒๕ คนในคณะกรรมาธิการยกร่าง รธน.

๒. กล้านรงค์ จันทิก มีความสามารถสูงส่งมาก เป็นทั้ง คตส ปปช และ สสร น่าสงสัยว่าจะสอดคล้องกับหลักผู้มีส่วนได้เสียหรือไม่ อย่างไร โดยเฉพาะกรณีการทำงานของ คตส ซึ่งคาบเกี่ยวกับ ปปช บางเรื่อง คตส ต้องส่งให้ ปปช ฟัน

มิพักต้องกล่าวถึง เรื่องค่าตอบแทน เวลาการทำงาน ฯลฯ

๓. ประเด็น ร่าง รธน จุดน่าสนใจอยู่ที่ มัดมือชกประชาชน

ที่ว่า "มัดมือชก" ก็คือ เมื่อร่าง รธน แล้วเสร็จ จะให้ประชาชนลงประชามติ ประชาชนไม่ได้มีตัวเปรียบเทียบเลยว่า ถ้าหากเห็นว่าร่าง รธน ไม่ดี ไม่อยากรับร่างนี้แล้ว จะเอา รธน ฉบับไหนมาแทน

รธน ๔๙ ของคณะรัฐประหาร บอกว่า หากประชาชนลงประชามติไม่รับร่าง รธน ก็ให้ คณะรัฐประหารหยิบเอา รธน ฉบับไหนในอดีตก็ได้ มาปรับปรุง นั่นก็หมายความว่า คณะรัฐประหารอาจเอา รธน แนวเผด็จการๆ ในอดีต มาใช้ได้

ขอเรียกร้องให้ คณะรัฐประหารประกาศจุดยืนแต่เนิ่นๆเลยว่า ถ้าประชาชนไม่เอาร่าง รธน ใหม่แล้ว จะหยิบเอา รธน ๔๐ มาใช้ทันที

๔. ประเด็นระเบิดทั่ว กทม. น่าสนใจที่ หัวหน้าแก๊งค์รัฐประหาร และนายกฯ ออกมาสรุปสาเหตุได้รวดเร็วมาก

๕. ประเด็นรัฐประหารซ้อน ความขัดแย้งในหมู่ทหาร เริ่มน่าคิดว่าจะมีจริงหรือไม่

๖. จวบจนวันนี้ ผมยังไม่เห็นเลยว่า ๑๙ กันยา ทำไปแล้วบ้านเมืองดีขึ้นอย่างไร และเหตุผลที่ยกมาอ้างว่าจำเป็นต้องรัฐประหาร ก็ดูจะไม่เป็นจริงเท่าไรนัก

๗. สุดท้าย ภายใต้คณะรัฐประหาร ๑๙ กันยา กฎหมายคงจำเป็นเฉพาะเมื่อต้องการเอามาฟาดฟันทักษิณ กฎหมายคงเป็นเพียงอาภรณ์ห่มกายให้กระบวนการต่างๆที่แก๊งค์คณะรัฐประหารทำ ออกมาดูดี ดูชอบด้วยกฎหมาย (ในเชิงรูปแบบ ไม่ใช่เชิงเนื้อหา) กฎหมายหาจำเป็นไม่ หากฝ่ายตรงข้ามคณะรัฐประหาร ต้องการหยิบมาใช้บ้าง

พูดง่ายๆ ถ้ากฎหมายเป็นประโยชน์ต่อข้า ข้าอ้างกฎหมาย ถ้ากฎหมายเป็นประโยชน์ต่อเอ็ง ข้าอ้างว่าข้ามีคุณธรรม