วันศุกร์, กันยายน 29, 2549

อย่าปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ

เว็บไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน เหยื่อรายล่าสุดของระบอบรัฐประหาร

ยุติการจำกัดเสรีภาพเถิดครับขุนทหาร เรื่องความคิด ถึงปิดกั้นไม่ให้แสดงออก คนมันก็คิดอยู่ในสมองอยู่ดี

คนจะฉี่ ไม่ให้ฉี่ คนจะขี้ ไม่ให้ขี้ ระวังทนไม่ไหวนะครับ

นี่หรือครับ เรียกว่า คณะปฏิรูป "ระบอบประชาธิปไตย"

วันอังคาร, กันยายน 26, 2549

เมื่อเอาโจรมาจับโจรย่อมได้โจร

หลายคนดีใจกับรัฐประหารครั้งนี้

หลายคนปากบอกไม่เห็นด้วย แต่ในใจกลับลิงโลด (พวกนี้นับว่าน่าเกลียดกว่าพวกแรก)

คนเหล่านี้นำประเด็นรัฐประหารไปผูกกับทักษิณ จึงนำมาซึ่งความยินดีปรีดากับรัฐประหารที่ทำให้ "ทักษิณ... ออกไป"

ผมเห็นว่าเป็นคนละเรื่องไม่ว่าจะรัฐประหารใครก็ตาม เมื่อเป็นรัฐประหารที่กระทำต่อระบอบประชาธิปไตย กระทำต่อรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย กระทำต่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เราก็ควรลุกขึ้นต่อต้านทั้งสิ้น

ดังนั้น ผมจึงไม่เห็นความจำเป็นที่เราต้องประกาศว่า "เราไม่เอาทักษิณ" พร้อมกับบอกว่า "เราไม่เอารัฐประหาร"ไม่จำเป็นเลยที่ต้องออกตัวก่อนว่าเราไม่เอาทักษิณ เพื่อให้ภาพลักษณ์ออกมาดูดี

เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องให้เหตุผลทำนองว่า "มันเกิดขึ้นมาแล้ว เรามาทำต่อให้ดีเถอะ" ในเมื่อรัฐประหารไม่ถูกต้อง แล้วเหตุใดจำต้องยอมรับความไม่ถูกต้องด้วยเล่า (ต้องไม่ลืมว่าเวลาที่ทักษิณทำอะไรมากมายที่ไม่ถูกต้อง ยังออกมาต่อต้านกันอย่างกว้างขวาง)

น่าแปลกใจมากที่ผู้มีปัญญาหลายคน ภาคประชาชน กล้าหาญที่จะยืนท้าทายต่อทักษิณ แต่กับรัฐประหารที่ไม่ได้มาตามครรลองประชาธิปไตย และมีที่มาที่อัปลักษณ์กว่าทักษิณยิ่งนัก กลับไม่พบเห็นผู้มีปัญญาและโด่งดังออกมาต่อสู้

แม้หลายคนจะไว้วางใจในตัวหัวหน้าคณะรัฐประหาร เพราะเป็นทหารอาชีพ ไม่มีแรงทะเยอทะยานทางการเมือง สำหรับผม หัวหน้าคณะรัฐประหารล้มละลายไปแล้ว เพราะยืนยันมาตลอดว่าไม่มีรัฐประหาร ทหารอยู่ในแถว ทหารไม่ยุ่งการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพึ่งให้สัมภาษณ์เมื่อ ๑๓ กย ว่าไม่มีรัฐประหารแน่นอน

เพียงเท่านี้ เขาก็ไม่มีความน่าเชื่อถืออีกต่อไป หากบอกว่าเป็นความจำเป็นตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป แล้วเราจะไว้ใจได้อย่างไร วันข้างหน้าเขาอาจจะอ้างความจำเป็นเพื่อกระทำการคุกคามประชาธิปไตยอีก

เหตุผลของพวกปฏิบัตินิยมที่เห็นว่าแม้รัฐประหารไม่ถูกต้อง แต่ก็ทำให้โล่งอกและกำจัดทักษิณออกไปได้ ผมเห็นว่าเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า ไม่จริงเสมอไปที่รัฐประหารแล้วจะทำให้เราไม่มี "ทักษิณ" หรือ "คนแบบทักษิณ" บนเวทีการเมืองไทย

หากถามว่าไม่เอารัฐประหารแล้วจะเอาอะไร จะให้นองเลือดหรือเรารู้ได้อย่างไรว่าหากไม่มีรัฐประหาร แล้วจะนองเลือด หากคณะรัฐประหารเชื่ออย่างนั้น ทำไม่ไม่ไปดูแลไม่ให้นองเลือดแทน ทำไมต้องรัฐประหาร หรือว่ามีความพยายามจะทำให้มีนองเลือด

ก็ในเมื่อจะมีเลือกตั้งอยู่แล้ว ทำไมไม่ใช้ช่องทางเลือกตั้งกำจัดทักษิณ หากบอกว่าเลือกไปทักษิณก็ชนะอีก นั่นแสดงว่าไร้น้ำยาที่จะจัดการทักษิณและยังไม่ให้ราคากับคะแนนเสียงของประชาชน เหมือนเล่นหมากรุกแล้วแพ้ ก็ล้มกระดาน

พวกที่เหมาไปให้ทักษิณ ทำนองว่า "เป็นทักษิณนี่แหละที่ทำลายประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ" หรือ "เป็นทักษิณนี่แหละที่พาการเมืองมาถึงทางตันแบบนี้" ผมเห็นว่าเป็นเหตุผลตื้นๆ เพื่อโยนขี้ให้ทักษิณเท่านั้น

หากเห็นว่า "ทักษิณ" ข่มขืนประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ แล้วเราจะยอมให้ "คณะรัฐประหาร" มาข่มขืนซ้ำ อย่างนั้นหรือ?

ถึงอย่างไร ดีๆชั่วๆ สมัยทักษิณ เราก็ด่าได้อย่างเต็มปาก แต่กับคณะรัฐประหาร ผมยอมรับว่ากลัว

ภายใต้รัฐประหารที่สงบ สงบจนหลายคนบอกว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี เป็นความงดงาม ผมกลับมองว่ายิ่งอันตราย หมายความว่าสังคมไทยยินดีปรีดา เพิกเฉย ไม่อนาทรร้อนใจต่อรัฐประหารอีกแล้ว สังคมไทยพร้อมจะยอมรับวิธีการใดก็ได้เพื่อจัดการความขัดแย้ง

รัฐประหารครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า แม้จะผ่าน ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ มา ๗๔ ปี ประเทศไทยก็ยังไม่เคยเป็นของประชาชน หากเป็นของคนที่พร้อมจะกดปุ่ม คนที่พร้อมจะตบเท้า คนที่พร้อมจะขนอาวุธออมา

บางทีประชาธิปไตยแบบ "ไทยๆ" ที่เรียกกัน อาจหมายความว่า "อภิชนาธิปไตย" ก็เป็นได้

พึงระวังไว้เสมอว่า เมื่อโจรอยู่ในบ้าน เจ้าของบ้านจ้างโจรมาปราบ ก็ย่อมได้โจรอีกคนกลับมาอยู่ในบ้านอยู่ดี

หมายเหตุ ผมพยายามไม่เรียกชื่อเต็มของคณะรัฐประหาร ๑๙ กันยา เพราะชื่อกับการกระทำไม่สอดคล้องกัน เมื่อรัฐประหาร "ไม่มีทาง" ที่จะเป็นประชาธิปไตย แล้วจะให้เรียกชื่อคณะรัฐประหารไปในทำนองว่าเป็น "ประชาธิปไตย" ได้อย่างไร

รัฐประหาร ๑๙ กันยา : รูปแบบเดิมและรูปแบบใหม่

รูปแบบ “เชยๆ” ที่ไม่เปลี่ยนแปลง

๑. เอารถถังออกมาวิ่งเล่น
๒. เอาทหารมาเดินเพ่นพ่าน
๓. ยึดวิทยุและโทรทัศน์
๔. ตัดรายการปกติแล้วออกอากาศเพลงแนว “ยอพระเกียรติ”
๕. แถลงแสดงเหตุผลความจำเป็นต้องรัฐประหาร ซึ่งหนีไม่พ้นเรื่องคอร์รัปชั่นและหมิ่นสถาบันกษัตริย์
๖. ฉีกรัฐธรรมนูญ
๗. ออกกฎอัยการศึก
๘. ห้ามๆๆๆๆๆ สารพัดจะห้าม
๙. คณะรัฐประหารพยายามยึดโยงสถาบันกษัตริย์ ครั้งนี้ปรากฏให้เห็นเชิงสัญลักษณ์จากชื่อคณะรัฐประหาร (ที่ลงทุนตั้งเสียยาวเฟื้อยว่า คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เห็นแล้วก็สงสารคนอ่านประกาศและคำสั่งของ คปค. ที่ต้องพูดคำยาวๆนี้ซ้ำไปซ้ำมา) และผ้าสีเหลืองผูกไว้ปลายปืน
๑๐.นำภาพคณะรัฐประหารเข้าเฝ้าฯเผยแพร่
๑๑.คนส่วนใหญ่ดีใจ มอบดอกไม้ อาหาร ถ่ายรูป

รูปแบบใหม่

๑. เพลงยอพระเกียรติ มีเพลงพี่เบิร์ด ธงไชยด้วย
๒. พยายามไม่ตั้งคณะกรรมการ “เถื่อน” แต่ใช้องค์กรเดิมที่มีอยู่ ทว่าก็ปลดคนที่มีแนวโน้มไปทางทักษิณออก และเหลือไว้หรือแต่งตั้งคนที่มีแนวโน้มไม่เอาทักษิณเข้าไป

วันเสาร์, กันยายน 23, 2549

กำจัดไวรัสด้วยการปิดเครื่อง?

คอมพิวเตอร์มีไวรัส

แทนที่จะหาทางกำจัดไวรัสทิ้ง

ก็เอาแต่กดปุ่มปิดเครื่อง แล้วเปิดใหม่อยู่ได้

แล้วไวรัสมันออกไปที่ไหนล่ะ

คนบางคนก็เชย ใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น แต่ชอบขอแจมมาปิดเครื่อง เปิดใหม่ ชอบมาขอกดปุ่มรีสตาร์ทอยู่ได้

วันพุธ, กันยายน 06, 2549

นักดื่มอย่างผมเซ็งมากๆ

ผมเคยเขียน เสรีภาพในการเลือกดื่มสุราหลากประเภทไว้ใน http://www.onopen.com/2006/01/381

กลับมาเมืองไทยครั้งนี้ ผมพบอนันตริยกรรมต่อนักดื่มเยี่ยงผมอีกแล้ว

ผมไปเที่ยวมอลลี่ดังเช่นเคย

แรกเริ่ม รู้สึกเอะใจว่า น้องๆสาวเชียร์เหล้าฮันเดรต (มีหน้าตาจิ้มลิ้มหลายคนอยู่) หายไปไหนกันหมด

เหลือบไปมองโต๊ะรอบๆข้าง เอ๊ะ ทำไมทุกโต๊ะเปิดแต่เร้ด เลเบิ้ล

จนมารู้ความจริงว่า...

มอลลี่ ร้านเหล้าละแวกข้าวสารที่ผมไปอยู่เสมอ ถูกบริษัท ริชมอนด์ ผู้นำเข้าวิสกี้ แบล็ก เลเบิ้ล, เร้ด เลเบิ้ล, เบนมอร์ เข้าทุ่มตลาด ด้วยการจ่ายงบก้อนโตและบังคับให้ขายแต่วิสกี้ในเครือริชมอนด์เท่านั้น

ฮันเดรต ไพเพอร์, ชีวาส ซึ่งนำเข้าโดยบริษัท ริคาร์ด คู่แข่งหมายเลขหนึ่ง ไม่อาจมาขายในมอลลี่อีกต่อไป

รวมไปถึงเหล้ายี่ห้ออื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น บัลเลนไทน์, เดวาร์, สเปย์, บลู อีเกิ้ล, แสงโสม, ฯลฯ ล้วนหมดสิทธิเข้าไปกร้ำกรายในมอลลี่

การกีดกันคู่แข่งครั้งนี้ ยังขยายไปร้านอื่นๆในเครือบัดดี้อีกด้วย

เข้าใจว่าบริษัท ริชมอนด์คงทำสัญญากับร้านในเครือบัดดี้ทั้งหมด

นั่นเท่ากับว่า ละแวกข้าวสาร ในร้านมอลลี่, ซินนามอน, ซูซี่, ออสติน, บริค บาร์, เดอะ คลับ, ต้มยำกุ้ง, บัดดี้, กินลมชมสะพาน เราจะไม่ได้เห็นเหล้ายี่ห้ออื่น นอกจาก แบล็ค เร้ด และเบนมอร์

โดยส่วนตัว ผมเปิดเร้ด เลเบิ้ล ประจำ (บางครั้งก็อยากกระดกรีเจนซี่ บรั่นดีไทย แต่ร้านต่างๆไม่นิยมรับมาขาย เพราะรสชาติไม่ถูกจริตเหล่าวัยรุ่น) จึงไม่น่ารับผลกระทบเท่าไรนัก

เพียงแต่แค่รู้สึกว่า ทางเลือกของทุกๆอย่างในบ้านเรา เริ่มเหลือน้อยลงทุกๆที

แม้แต่ กินเหล้า เรายังถูกบังคับยี่ห้อเลย

.............

ของฝากเล็กน้อยสำหรับผู้นิยมไปหาเหล้ากินบนถนนข้าวสาร หากท่านประสงค์จะไปดื่ม สังสรรค์กับเพื่อนฝูง ไม่สนใจดนตรีเท่าไรนัก และไม่พุ่งเป้าไปที่การเหล่สาว หากต้องการนั่งคุย นั่งดื่ม สงบๆ เสียงเพลงไม่ดังมาก ผมมีร้านมาฝากไว้ในอ้อมใจท่าน

ท่านเดินเข้าถนนเข้าสาร (จากทางฝั่ง สน ชนะสงคราม) มาเล็กน้อย แหงนมองดูป้ายร้านต้มยำกุ้งไว้ เลี้ยวเข้าซอยนั้น จะพบร้านร้านหนึ่งก่อนต้มยำกุ้ง ดูออกแนวๆหน่อย ชื่อ ฮิปปี้เดอบาร์ (เมื่อก่อนชื่อ บานาน่า ลีฟ)

ลองเข้าไปดู มีเหล้าให้เลือกหลายขนาน ตั้งแต่แสงโสม รีเจนซี่ ไปถึงเหล้าแพงๆ

ราคาย่อมเยากว่าร้านอื่นในเส้นข้าวสาร

ที่สำคัญ ไม่ตรวจบัตรเข้มข้นเท่าไรนัก