มาตรา ๗ กับนายกฯพระราชทาน (อีกครั้ง)
“พูดเรื่องนี้ค่อนข้างจะประหลาดหน่อย จึงขอร้องอย่างนี้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเขาก็บอกว่าต้องมาตรา ๗ ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งขอยืนยันว่า มาตรา ๗ นั้น ไม่ได้หมายถึงมอบให้พระมหากษัตริย์มีอำนาจที่จะทำอะไรตามใจ ไม่ใช่ มาตรา ๗ นั้น พูดถึงการปกครองแบบมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่ได้บอกว่าให้พระมหากษัตริย์ตัดสินทำได้ทุกอย่าง ถ้าทำเขาจะนึกว่าพระมหากษัตริย์ทำเกินหน้าที่ ซึ่งข้าพเจ้าไม่เคยพูด ไม่เคยทำเกินหน้าที่ ถ้าทำเกินหน้าที่ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย”
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานแก่ประธานศาลปกครองสูงสุดและตุลาการศาลปกครองสูงสุด
ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล
๒๕ เมษายน ๒๕๔๙
“อย่าไปคอยที่จะให้ขอนายกฯพระราชทาน เพราะขอนายกฯพระราชทานไม่ได้เป็นการปกครองแบบประชาธิปไตย ข้าพเจ้ามีความเดือดร้อนมากที่เอะอะอะไรก็ขอพระราชทาน นายกฯพระราชทาน ซึ่งไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตย ถ้าไปอ้างมาตรา ๗ ของรัฐธรรมนูญ เป็นการอ้างที่ผิด มันอ้างไม่ได้ มาตรา๗ ว่าอะไรที่ไม่มีในรัฐธรรมนูญ ก็ให้ปฏิบัติตามประเพณีตามที่ควรทำไป ไม่มีเขาอยากจะได้นายกฯ พระราชทานกัน ขอนายกฯ พระราชทาน ไม่ใช่เป็นเรื่องของนายกฯ ที่เป็นประชาธิปไตย เป็นการปกครองแบบ ขอโทษ แบบมั่ว คือแบบไม่มีเหตุมีผล...”
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานแก่ประธานศาลฎีกาและผู้พิพากษา
ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล
๒๕ เมษายน ๒๕๔๙
.............
บทความที่เกี่ยวข้องของผมและวรเจตน์
http://www.onopen.com/2006/editor-spaces/382
http://etatdedroit.blogspot.com/2006/03/blog-post_11.html
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานแก่ประธานศาลปกครองสูงสุดและตุลาการศาลปกครองสูงสุด
ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล
๒๕ เมษายน ๒๕๔๙
“อย่าไปคอยที่จะให้ขอนายกฯพระราชทาน เพราะขอนายกฯพระราชทานไม่ได้เป็นการปกครองแบบประชาธิปไตย ข้าพเจ้ามีความเดือดร้อนมากที่เอะอะอะไรก็ขอพระราชทาน นายกฯพระราชทาน ซึ่งไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตย ถ้าไปอ้างมาตรา ๗ ของรัฐธรรมนูญ เป็นการอ้างที่ผิด มันอ้างไม่ได้ มาตรา๗ ว่าอะไรที่ไม่มีในรัฐธรรมนูญ ก็ให้ปฏิบัติตามประเพณีตามที่ควรทำไป ไม่มีเขาอยากจะได้นายกฯ พระราชทานกัน ขอนายกฯ พระราชทาน ไม่ใช่เป็นเรื่องของนายกฯ ที่เป็นประชาธิปไตย เป็นการปกครองแบบ ขอโทษ แบบมั่ว คือแบบไม่มีเหตุมีผล...”
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานแก่ประธานศาลฎีกาและผู้พิพากษา
ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล
๒๕ เมษายน ๒๕๔๙
.............
บทความที่เกี่ยวข้องของผมและวรเจตน์
http://www.onopen.com/2006/editor-spaces/382
http://etatdedroit.blogspot.com/2006/03/blog-post_11.html
31 ความคิดเห็น:
เฉียบคมมากครับ
พันธมิตรฯ กับปชป.คงเต้นเร่าๆ เพราะเป็นเรื่องชูโรงที่ยึดถือกันมาตลอด
พันธมิตรฯ กับปชป.คงเต้นเร่าๆ เพราะเป็นเรื่องชูโรงที่ยึดถือกันมาตลอด
อ่อนหัด อ่อนหัด พันธมิตรไม่เต้นหรอกครับ
เพราะอะไรนะหรือ ท่านผู้อ่อนหัด
เพราะในเชิงกลยุทธมวลชน การเชิดชูธงคุณธรรม นำสถาบันมาเชิดชู เหมาะกับสังคมไทย เหมาะใช้เป็นกลยุทธในการสร้างจุดหมายการเดินให้กับมวลชน ไม่งั้นกระบวนการชุมนุมก็ไม่อาจขยายตัวได้
สำหรับความเห็นแบบนักวิชาการก็เป็นวิถีทางที่อวดความรู้กันได้ ไม่ว่ากัน
แต่ในการต่อสู้อันมีเดิมพันสูง กรุณาคิดกันสักนิดและโปรดอ่านด้วยว่าฝ่ายทักษิณ ก็ใช้กลยุทธนี้เหมือนกันตอนออกมาบีบน้ำตาไง ก่อนนั้นแอบแวบไปไกลกังวล
ก่อนจะศรัทธาแบบปวกเปียก หรือ เปิดเพลงให้คนอื่นเต้น อ่านให้มันชัด
ความจริง การที่ นิติรัฐ เอาชื่อตนไปติดไว้กับ อ.วรเจตน์ หากมองว่านิติรัฐดำเนินกลยุทธมันก็เป็นกลยุทธเดียวกับ การขอนายกพระราชทานนั่นแหละ แล้วก็ทำสำเร็จด้วย
เห็นไหมท่านผู้อ่อนหัด ปัญญาเท่าหิ้งห้อย ยังบังอาจมาติแสงจันทรา
ขาแข้งเหมือนลาง่อย ริมาติ กิเลน ข้อวิจารณ์อ่อนหัดเช่นนี้ หากจะออกไปสู้รบกับคนชั่ว เห็นทีจะหัวขาดตั้งแต่ยังไม่ออกศึก
เอ้า ว่ามา ท่านศรัทธา กับ DJ ฮา ฮา ฮา
"นำสถาบันมาเชิดชู เหมาะใช้เป็นกลยุทธในการสร้างจุดหมายการเดินให้กับมวลชน ไม่งั้นกระบวนการชุมนุมก็ไม่อาจขยายตัวได้" --หยาบคายและจาบจ้วงต่อเบื้องสูงมาก เป็นการนำพระบรมเดชานุภาพมาใช้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อตนเอง.. ควรเช่นนั้นหรือทั่นอาจารย์แห่งทุ่งรังสิต
แต่ก่อนที่จะไปถึงขั้นนั้น ช่วยขยายความให้ชัดๆ เป็นข้อๆ หน่อยสิครับ ท่านอาจารย์โต ว่าเหตุอันใด จึงควร/ไม่ควร ไล่ทักษิณ(คนเรายอมมีทั้งข้อดี/ข้อเสีย) เหตุใดจึงควรเดินขบวนอีกครั้ง(คงไม่ใช่เพราะกดดันตำรวจไม่ให้ดำเนินการเรื่องหมิ่นฯ หรอกนะ) ขอเนื้อๆ เน้นๆ นะครับ อย่าเอาแต่ว่าคนอื่นอ่อน เพราะท่านผู้รับชมรับฟังบลอกทั้งหลายจะตัดสินเอง ว่าใคร.. อ่อน
ยินดีวิวาทะครับ
อ.ปิยบุตรมีความเห็นกับกระแสพระราชดำรัสในส่วนอื่นที่มิใช่ม.๗ อย่างไรบ้างครับ เพราะโดยรวมแล้ว ในกระแสดพระราชดำรัสเมื่อคืน มีอะไรที่มากกว่าม.๗ เยอะเลยครับ
ส่วนม.๗ตอนแรกผมก็เห็นด้วย แต่ช่วงหลังชักจะไม่ใช่เพราะว่าคนอย่างอ.กับอ.วรเจตน์แสดงความเห็นนั่นแหละ
ตัวอย่างเช่น เรื่องประชาธิปไตยที่พระองค์กล่าวถึงเป็นต้น
เห็นพ้องกับ crazycloud กะจะเกาะวรเจตน์ดังครับ
ตอบ Susansaraly
ผมมีประเด็นความเห็นเกี่ยวกับพระราชดำรัส (หรือพระบรมราโชวาท ไม่แน่ใจ เห็นแต่ละฉบับใช้คำไม่เหมือนกัน)
คิดไว้
ร่างไว้แล้ว
แต่ถ้าเขียนลง ผมก็เกรงว่าจะโดนภัยอยู่
เอาเป็นว่าผมเกริ่นๆแสดงความเห็นแบบทั่วๆไปแล้วกัน
๑. ศาลไทยใช้ระบบศาลคู่ ศาลฎีกาไม่มีเขตอำนาจเกี่ยวกับกรณีนี้ หากเราจะน้อมรับพระราชดำรัสเรื่องนี้ ทั้งสามศาลคงต้องไปหาช่องกัน ว่าจะเอาศาลไหนรับ เข้าช่องไหน
ความเห็นผม ศาลรัฐธรรมนูญน่าจะมีช่อง "พอไปได้" โดยใช้มาตรา ๒๖๖ ยาสามัญประจำบ้าน
๒. เรื่อง พ.ร.ฎ.ยุบสภา เป็นการกระทำทางรัฐบาล ซึ่งมีหลักกันว่าการกระทำแบบนี้หลุดพ้นจากการตรวจสอบขององค์กรตุลาการ
๓. กรณีอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์เป็นนายกฯหลัง ๑๔ ต.ค. ๑๖ และสภาสนามม้า
๔. อันนี้อยากให้มีการถกเถียงกันในทางทฤษฎีต่อไปในอนาคต
พระราชอำนาจที่ไม่ได้เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญมีจริงหรือไม่ในระบอบการปกครองแบบนี้ ถ้ารับกันว่ามี จะมีขอบเขตแค่ไหน อย่างไร
ถ้าตามแนวนักกฎหมายรอแยลลิสม์ อย่างบวรศักดิ์ วิษณุ และธงทอง ยอมรับว่ามี ธงทองใช้คำว่า "พระราชอำนาจทั่วไป"
หรือตำราคลาสสิกของวอลเตอร์ แบร์ช็อต บอกว่ามี คือ กษัตริย์มีสิทธิในการตักเตือน สิทธิในการสนับสนุนให้กำลังใจ สิทธิในการให้คำปรึกษา
ว.พ.ของเจษฎา พรไชยา (มีธานินทร์ กรัยวิเชียรเป็นประธาน) สรุปว่ามีพระราชอำนาจตามธรรมเนียมปฏิบัติทางรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ได้ถาวร หากขึ้นกับพระบารมีของกษัตริย์แต่ละพระองค์
กล่าวให้ชัด คือ เราน่าจะตั้งวงถกกันแบบวิชาการเลยนะครับ หาข้อดี ข้อเสีย ด้วยเหตุด้วยผล
ว่า เราจะยอมรับให้มี Royal intervention ในระบอบประชาธิปไตยของเรา หรือไม่
ถ้ายอมรับจะมีได้แค่ไหน จะ intervention ได้ในเรื่องใดในส่วนอำนาจไหนได้บ้าง (อย่างกรณีนี้ก็น่าจะเป็นอำนาจตุลาการ)
แล้วหากมีการใช้อำนาจตอบโต้กลับได้หรือไม่ หรือไม่นำพากับการ intervention นั้นได้หรือไม่ อย่างไร
ผมคิดว่าพระราชดำรัสครั้งนี้น่าจะเป็นการสร้างหลักการใหม่ในเรื่อง Royal intervention หลายข้อทีเดียว
ที่แน่ๆ หนึ่งข้อ คือ เรื่องนายกฯพระราชทาน อันนี้ชัดเจนไปแล้ว
ตอบ crazycloud
ผมคิดว่าผมไม่ได้เกาะวรเจตน์ดังนะ
ผมแสดงความเห็นทำนองนี้มานานแล้ว
ลงบล็อกครั้งแรกวันที่ ๒๕ กุมภา แล้วเขียนต่อมาติดๆกันหลายวัน
เขียนลงโอเพ่นว่า "ไม่เอานายกฯพระราชทาน" วันที่ ๔ มีนาคม
ลงประชาชาติธุรกิจ ๙ มีนาคม
โดยไม่ได้หารือกับวรเจตน์แต่ประการใด
ส่วนที่ผมนำที่วรเจตน์ให้สัมภาษณ์ไทยโพสต์วันที่ ๑๒ มีนาคม มาลงไว้นั้น ไม่ได้เพื่อเกาะความดัง หากผมต้องการชี้ให้เห็นว่ามีนักกฎหมายอยู่กลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้มาตรา ๗ แถไปเรื่อย
เพราะตอนนั้นมีคนด่ามากว่า นักกมไปฉีกรัฐธรรมนูญได้อย่างไร
ยังจำได้ดีด้วยว่า crazycloud แสดงความเห็นมาตลอดว่า มาตรา ๗ ใช้ได้ๆ ผมชวนมาคุยกันผ่านบล็อก ก็ไม่มาชี้แจงเท่าไร
เห็นมีแต่เหน็บไปว่า (ในบล็อกเก่าที่ปิดไป เสียดายความเห็นดีๆในนั้นมีเยอะ ไม่น่าปิดไปเลย) ไอ้พวกนี้เด็กนอก ลืมรากเหง้าไทย ไอ้พวกนี้นักวิชาการ ชอบชักว่าว เช่น (พอดี crazycloud ปิดบล็อกไป เลยเอาที่ crazycloudเ คยมาโพสในบล็อกผมมาลงแทน)
"ปัญหาสำคัญของปัญญาชนในปัจจุบัน คือ
การขาดจิตสำนึกในเชิงประวัติศาสตร์
จิตสำนึกเชิงสังคมอย่างรุนแรง
เราจึงเห็นปัญญาชนนั่งชักว่าว หัวเราะเยาะผู้อื่นและไม่รู้สึกร้อนเนื้อร้อนใจกับความทุกข์ยากของประชาชน
ตัวอย่าง เช่น นายหัวเหม่ง อ.วรเจตน์ นี่ก็เป็นโรคบ้าวิชาการ ติดตรรกะ ติดความคิด
ติดจนหลงลืมไปว่า กฎหมาย ความคิดมีขึ้นเพื่อประโยชน์สุข หากสังคมไร้ประโยชน์สุข กฎหมายต่างๆอาจกลายเป็นของเล่น
ความพยายามของการขอใช้มาตรา 7 คือ ความพยายามของกลุ่มมนุษย์กลุ่มนึง ที่ต้องการเห็นประโยชน์สุขเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่กลับถูกตีค่า ว่า นิยมเจ้า ขวาจัด เผด็จการทหารแอบแฝง (นายหัวเหม่ง)หรือมองกลุ่มพันธมิตรเป็นพวกดูน่าตลกขบขัน
ผมว่าท่านทั้งหลายช่วยกลับไปตรวจสอบสันดาน จิตสำนึกของตัวเองบ้างก็ดี โดยเฉพาะความเห็นข้างบน อำมหิตไร้จิตใจ สงสัยสัยต้องส่งไปเลี้ยงโค ปลูกหอมแดง จะได้รู้จักว่าการอดตายเป็นยังไง
จาก นายศาสตรา โตอ่อน
นิติศาสตร์ ม.รังสิต หรือ อดีต เมฆบ้า ว่ะ ฮา ฮา"
ส่วนที่ crazycloud บอกว่า
"เพราะในเชิงกลยุทธมวลชน การเชิดชูธงคุณธรรม นำสถาบันมาเชิดชู เหมาะกับสังคมไทย เหมาะใช้เป็นกลยุทธในการสร้างจุดหมายการเดินให้กับมวลชน ไม่งั้นกระบวนการชุมนุมก็ไม่อาจขยายตัวได้"
ไม่รู้ว่า crazycloud พูดแทนพันธมิตรหรือไม่ แล้วสนธิและคนอื่นๆจะยอมรับอย่างที่ crazycloud พูดหรือเปล่า
ถ้าใช่จริง ก็เท่ากับยอมรับว่า พันธมิตรหมดมุขและไร้หนทางในการโค่นทักษิณจึงต้องอ้าง "สถาบันกษัตริย์"
จึงไม่น่าแปลกใจที่แกนนำหลายคนขึ้นปราศรัยหลายต่อหลายครั้งโดยอ้างในหลวง
รวมทั้ง crazycloud เองด้วย (กรณีพูดว่าในหลวงเป็นนักรบอยู่ข้างพันธมิตรมาตลอด และกรณีศาลปกครองเพิกถอน พ.ร.ฎ. กฟผ.แล้วทักษิณไม่รับผิดชอบ crazycloud ยกในหลวงมาอ้างโดยใช้ เดอะ คิง แคน ดู โน รอง ข้อนี้ผมผิดหวัง crazycloud ที่สุด วันนั้นฟังจากเอเอสทีวี ผมผิดหวังมากๆ ทั้งๆที่ crazycloud ในฐานะนักวิชาการกฎหมายมหาชน ย่อมรู้ดีว่า เดอะ คิง แคน ดู โน รอง ต้องเป็นอย่างไร)
จะบอลโลกแล้วคนไทยคงคึกคักกันถ้วนหน้า
จะแทง จะเก็งทีมไหนก็ตามสบายใจ
ฝากบอกคนไทยบางคนแถวๆนี้ว่าให้ดูซ้ายดูขวา ก่อนจะแทง ก่อนจะเก็งให้ดีนะครับ
เพราะว่าเดี๋ยวเก็งผิด นึกว่าทีมไหนจะชนะ ผลดันปรากฎว่าทีมนั้นแพ้ แล้วจะแห้วไป แถมสุดท้ายจะยืดอกรับการเก็งผิดของตัวเอง ก็ไม่กล้าหาญพออีก
คิดอะไรผิดก็ยอมรับกันตรงๆสิครับ ไม่มีใครเค้าว่าอะไรหรอก คนผิดแล้วยอมรับน่ะ สังคมให้อภัยเสมอครับ
คนบางคนแถวนี้จุดยืนไม่แน่ไม่นอน แถมโชคไม่ดี แทงหวยผิดตลอดเวลาเลย สุดท้ายทางไหนชนะ ทางไหนได้หน้าก็รีบไปบอกว่าดีกับเค้า เห็นเค้าเป็นครูอาจารย์เป็นฮีโร่ในดวงใจไปซะงั้น
เห็นตอนแรกยังด่าๆ อยู่เลย
เห็นแล้วอนาถใจ หน้าด้านจริงๆ เฮ้อ..
อ้อ..เจ้าของบล๊อกครับ ผมชื่นชมผลงานคุณเสมอ และขอปรบมือดังๆกับจุดยืนที่คุณแสดงออกมาอย่างเด่นชัดในหลายสื่อ ภาษาหนังสือคุณสละสลวย และอ่านเข้าใจง่ายมากครับ สู้ต่อไปนะครับ
อะไรกัน ยังให้ความสนใจกับคนๆนั้นกันอีกหรือ
ปากเก่ง แต่ใจเสาะ ปิดบล๊อกหนี พอเปิดใหม่ก็กลัวผี รับแต่โพสต์ที่มีล๊อกอิน ฮาฮาฮา
เดี๋ยวหมอก็พริ้วไปอีกตามสไตล์ ประมาณว่า แต่ก่อนผมหลงผิด ตอนนี้สำนึกแล้ว
ฮาฮาฮา
พอดีเอะใจเรื่องเกาะวรเจตน์ดัง เลยคลิ้กไปดูเสียหน่อย
โอ้โห จากนายชักว่าว กลายเป็นปรมาจารย์ไปเสียแล้ว
แหม กลับลำ พลิกลิ้นได้ทันใจจริงๆ
นับถือจริงๆ
เป็นผม ผมไม่ยักหน้าด้านเปลี่ยนสีได้ไวปานนี้นะเนี่ย
นับถือ แต่ไม่เอาเป็นเยี่ยงอย่างครับ
สรุปว่า บุญรักษาตัวรอดเป็นยอดดี
ฮาฮาฮา
รำคาญบุญชิตมากกกกกก แน่จริงต้องวิพากษ์ ป๋าพระบาท นามเมือง กับลุงชัยอนันต์ สมุทวณิช ซี่
ในกรณีมาตรา 7 ในทางวิชากรถกเถียงได้ผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว
กรณีปิดบล็อกหนี เป็นข้อกล่าวหามั่วๆ ผมเปิดบล็อกใหม่แล้วโว้ย ปิดเพราะเบื่อพวกชักว่าวโว้ย
ปากกล้า ขาสั่นไม่ใช่ผม
ผมเคยท้าให้เผยชื่อ ไม่มีใครเผย
ให้เบอร์โทรศัพท์ไม่มีใครโทรสักคน
ชวนไปออกกำลังกายโดยการต่อยมวยที่ มธ.ไม่มีใครไปสักคน
ผมก็แค่เห็นว่าคนในบล็อกมีแต่ปากดี วิชาการเลิศ
สำหรับปิยะบุตร ท่านอยากจะเขียนอะไรก็เขียนไป แต่ข้อเขียนของท่านเป็นฉลาดลึก แต่ไร้ใจ ไร้ความกว้างอย่างแรง
สำหรับข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ผมแนะนำให้ท่านไปแจ้งความ แล้วไปต่อสู้ในศาล ผมยอมติดคุก
ส่วนกรณี อ.วรเจตน์ เป็นครูผมไม่ใช่เพื่อนที่บังอาจเรียกแต่ชื่อ ผมวิจารณ์ เราก็คุยกันอย่างเข้าใจ ผมเขียนเคารพในความเป็นครู คนเราล้างครูในทางวิชาการได้ แต่ไม่อาจล้างบุญคุณครูได้
ส่วนกรณีว่าควรไล่ไม่ไล่ ผมไม่รู้ว่าท่านโง่หรือบ้า ท่านไม่เคยเปิดหูตาเลยหรือว่าทักษิณมันกินประเทศอย่างไร
ส่วนเดอะคิง แคน ดู โน ลอง เอาไว้ค่อยเขียนกันยาวๆมันก็เรียนจากตำราเดียวกันแหละไอ้น้อง ว่าแต่ว่าไอ้น้องมาลุยแบบพี่ดีกว่า
พี่รักจะคอยดู น้องนิติรัฐสุดเก่ง ดำเนินกลยุทธโค่นทักษิณกินประเทศ ดูสิว่านอกจากเรื่องมาตรา 7 แล้วน้องท่านจะมีปัญญามากน้อยแค่ไหนกัน
พี่จะสอนให้ และช่วยตอบคำถามหน่อยเถอะ ไอ้น้องชาย
1.กฎหมายเกิดขึ้นเพราะอะไร
2.ในสภาพที่ระบอบทักษิณทำลายกฎหมายเกลี้ยง โกงบรรลัย เราจะทำอย่างไร
3.หากน้องแสนเก่ง ต้องนำมวลชนออกต้าน ท่านน้องจะเริ่มอย่างไร เดินอย่างไร จบอย่างไร
4.การชักว่าว ให้เลอะห้อง ช่วยให้ความเดือดร้อนของประชาชนหายไปไหม อ้อลืมไปในบล็อกมีพี่ละมั่งที่เคยทำนา
5.พี่ก็เรียนกฎหมายเหมือนมพี่ น้องคิดว่าพี่คิดแบบนักกฎหมายไม่เป็นเหรอวะ ในสถานการณ์นี้บ้านเมืองมีภัยมหันต์
ส่วนเรื่องมาโต้เถียงแล้วไม่มา ไม่ใช่อะไร
ผมมีภาระต้องทำข้อมูลเกี่ยวกับท้องถิ่นทั้งระบบ เอาบอกญาติ พี่ น้อง ผม
ต้องทำคดีเพิกถอนสัมปทานชิน เพราะมันสัมปทานไปขายต่างชาติ
ต้องทำงานที่ศูนย์จับตาเลือกตั้ง เพราะมันโกงการเลือกตั้งกันวอดวาย
ต้องเดินสายไปพูดในจังหวัดต่างๆ
จึงไม่มีเวลามาค้นข้อมูลมาแข่งบารมีกับน้องท่านดอก
ขอให้บารมีของน้องท่านเจริญรุดหน้ายิ่งขึ้นไป นะเป็นคำอวยพร ขอให้ท่านนอนหลับฝันดีที่ฝรั่งเศส
ส่วนพี่ขอสู้เพื่อญาติ พี่ น้องพี่ ชาวนาทั้งกระบิ
มีอะไรไหม วะ
ถึง พี่โต
มันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยหรือครับพี่ ทำไมไม่ทำหน้าที่ ที่ตนเองบอกว่ากำลังทำอยู่ให้มันดีที่สุดเล่า ใครเค้าไม่เห็นด้วย ไม่ร่วมเดินในแนวทาง ก็หาว่าชั่ว ว่าเลว ว่าโง่ ว่าควาย ว่าอ่อนหัด ว่ารักสบาย ว่าชักว่าว ใครแสดงความคิดเห็นอะไร ที่ตนเองไม่พอใจ ก็ว่าชั่ว ว่าเลว ว่าโง่ ว่าควาย ว่าอ่อนหัด ว่ารักสบาย ว่าชักว่าว ความรู้กฎหมายที่พี่มี พี่เก่ง พี่มีความสามารถ ไม่มีใครเถียงหรอก ไม่มีใครเค้าว่าพี่โง่หรอกพี่ ผมเองก็ยังคิดว่าพี่มีความสามารถมากกว่าผมด้วยซ้ำ แต่ผมอยากให้พี่แยกแยะหน่อย ว่าส่วนการแชร์ แลกเปลี่ยนความเห็นทางกฎหมาย การให้ความรู้ นำเสนอความคิดทางกฎหมาย นั่นก็อีกเรื่องนึง แต่การกระทำ การใช้ถ้อยคำของพี่นี้สิครับ อันนี้ที่ควรโดนประนาม ไม่เห็นแกหน้าพี่ หน้าน้อง พี่คิดดูให้ดีแล้วกันครับ อันนี้ไม่ใช่ว่าสอนให้พี่คิด แต่บางทีพี่ "ไว" ไปหรือเปล่า ยั้งใจ ยั้งคิดสักนิด ด้วยความปรารถนาดีครับ ไม่ว่าพี่จะรับหรือไม่ก็ตาม
ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าผมไม่ใช่สาวก หรือ ลิ่วล้อเจ้าของบล็อค ไม่ได้ออกมาโดยการยุแยง หรือชักนำของบุคคลใดทั้งสิ้น แต่จากการที่เฝ้าดู และเป็นผู้ชม ผู้ศึกษากฎหมายโดยอาศัยบล็อคทั้งของพี่ ของพี่ปึ๋ง และของคนอื่น ๆ อยู่นาน ผมว่าพี่ทำไม่ถูก ขอย้ำว่าสิ่งที่พี่ทำมันไม่ถูกต้อง คนส่วนใหญ่ที่ได้อ่าน ได้รู้ ก็จะเข้าใจเอง โดยที่เจ้าของบล็อคไม่ต้องตอบโต้สักนิด
ผม คือ อิท (นิติศาสตร์ มธ.รหัส 42เกียรตินิยมอันดับสอง) พี่อาจจะจำไม่ได้ หรืออาจจะจำได้ ผมเคยทานเหล้ากับพี่ 2-3 ครั้ง เคยคุยค่อนข้างวิชาการกัน 1 ครั้ง (ใต้คอมมอน นั่งคุย ยืนคุย ด่าระบอบทักษิณด้วยกัน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันกับพี่) ผมไม่อยากให้พี่มาด่าว่าไม่รู้ว่าเป็นใคร หรือไม่มีสัมมาคารวะ ด้วยความเคารพและปราถนาดีจริงๆ อีกครั้ง
และถ้าพี่จะว่าผมไม่รู้จักพี่ดีพอ ไม่สนิทพอ อันนี้ผมยอมรับครับ แต่ผมว่า ถ้าคนที่ได้เห็นพี่โพสอะไรต่างๆนานาเค้าก็คงจะรู้จักพี่มากขึ้นแน่นอนครับ
ถึง น้องอิท
ขอบคุณสำหรับคำวิจารณ์ ผมเคยบอกหลายครั้งแล้วว่า ผมด่าคุณ คุณด่าผม ด่ากลับไปกลับมาสนุกดี
ผมรู้ว่าคำพูดผลสร้างความรู้สึกแง่ลบ จนถึงขั้นประณาม ในวันวัยอย่างผม ผมเรียนรู้มาเยอะว่าต้องพูดอย่างไร ทำอย่างไรกับใคร จึงไม่ต้องให้ใครโดยเฉพาะพวกบัณฑิตหลังเที่ยงคืน ออกมาสะเหร่อ
คุณรู้จักผมน้อยไป น้อยเกินกว่าจะวิจารณ์ผมได้ กรุณาไปตรวจสอบตัวเองด้วย ด่าผมก็ด่าไป ด่าแล้วกลับไปส่องรูสมอง เกียรตินิยม ฮา ฮา ของท่านด้วย
ช่วยกลับไปชั่งน้ำหนักความเลวของอ้ายแม้วที่ละเมิดกฎหมายครั้งแล้วครั้งเล่า ทำเป็นบัญชีหางหมา เปรียบเทียบกับกับกรณีมาตรา 7 ให้ปรุให้โปร่งหน่อย
ช่วยกลับไปอ่าน หรือถามเหตุการณ์ในบล็อกตอนเก่าๆของผม ไอ้โต นิติศาสตร์ 38 ไม่ได้เกียรตินิยม ด้วยว่าความคิดผมเป็นอย่างไร
พวกกลุ่มรุ่นน้องสายใต้กระได ไถบุหรี่นะหรือ ผมรู้ไส้ดีว่า ใครดี ใครชั่ว คุณมันไอ้พวกลูกกระจ๊อกรุ่นหลัง อย่ามาวิจารณ์แบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ผมไม่ได้เป็นแบ่งใครตามรุ่นอยู่แล้ว แต่ผมว่าคุณข้อมูลน้อย
อีกอย่างโลกของผม ไม่มีคำว่าสุภาพหรือหยาบคาย คุณไปฝึกมาสิบปีก่อน คุณเกียรตินิยม แล้วค่อยมารินเหล้าให้ผมกิน
อย่ามาตีฝีปากมาก ผมก็มีขีดความอดทน
ผมทำงานเยอะ ผมเหนื่อย พวกคุณนั่งเท่ห์ นั่งคิด เท่ห์ดี ผมก็ไม่ว่าอะไร คุณก็ทำของคุณไป
ส่วนผม คุณจะไหว้ ผมหรือไม่ ผมไม่สน หรอก ไอ้เกียรตินิยมอะไรของคุณนะ ตลกชะมัด
เพราะเกียรตินิยมอย่างคุณ นอกจากไม่ทำให้แผ่นดินมันสูงขึ้นแล้ว ยังจะชอบมาตีสำบัดสำนวน
ไอ้สายสกุลแก๊งนี้นะหรือ ผมเห็นมาตั้งแต่ดูดบุหรี่ยังไม่เป็น ผมรู้ไส้มันดี หมดกระจุกแหละ พี่คุณ บางคนมาร้องไห้โดนสาวทิ้ง ผมก็ปลอบด้วยความเมตตา
แล้วคุณเป็นใคร สะเหร่อ จริงๆ
คุณเอาเกียรตินิยม อุดรูทวารคุณให้ดีแล้วกัน เดี๋ยวเกย์สิงโปร์มันจะอัดทวารคุณ
ด้วยความรัก จากพี่โต (ขำๆยามค่ำคืน)
อีกอย่าง คำว่าไม่มีสัมมาคารวะ
น่าจะใช้กับ "พวกคุณ" มากกว่ามั่ง
ทำไมผมจะต้อง มี สัมมาคารวะ กลับคนอายุน้อยกว่า
บ้ารึเปล่า
ไม่ขอตอบโต้ใด ๆ ครับ แต่ขอชี้แจ้งว่าถ้อยคำที่ว่า "ผมไม่อยากให้พี่มาด่าว่าไม่รู้ว่าเป็นใคร หรือไม่มีสัมมาคารวะ" ขอให้อ่านใหม่อีกครั้ง ก็จะเข้าใจครับ
ป๊อกสู้ๆ นะ อย่าหวั่นไหวทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
เฮ้อ...สงสารนักศึกษาที่ม.รังสิตมาก
สงสารด้วย สงสาร นศ.ม.รังสิต
สงสารน้องอิทธิฤทธิ์ ที่พูด(เขียน)ดีๆ ก็โดนว่าซะนั่น อย่าไปสนใจนะครับน้อง โชคดีแล้วได้เห็นไส้คน
สงสารเจ้าของบล๊อกที่อยู่ๆโดนหาเรื่อง มีคนหาว่าอยากดังด้วย คนว่าละมั้งอยากดังกว่า เห็นเข้ามาด่าคุณบ่อยเหลือเกิน อยากด่าคนดังมั้งคุณ ตังเองจะได้ดังด้วยไง คิดง่ายๆ
สงสารทุกคนเลยที่หลงไปรู้จักมักจี่กับคนบางคนแถวนี้
เฮ้อ เป็นรอยด่างพร้อยในชีวิตเสียจริงๆ น่าสงสาร
กลายเป็นว่าการเขียนบล๊อก หรือ การเข้ามาในโลกอินเตอร์เนตในฐานะผู้ชมบล๊อก มีรอยด่างพร้อยซะแล้ว เพราะคนๆเดียวแท้ๆ พูดแบบดาราก็คงจะบอกว่า ทำให้วงการเสื่อมเสีย
มันก็จริงอยู่นะครับที่อินเตอร์เนตเป็นโลกสมมุติ มันไม่เหมือนโลกจริงๆหรอก แต่มันก็บอกได้ว่าการที่เราเห็นคนบางคนในเนตในมุมมองหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะมีเท่าที่เราเห็น แต่อาจจะมีสิ่งอื่นๆอีกก็ได้
แต่ผมว่ากรณีนี้ กลับกลายเป้นว่า เห็นคนบางคนในมุมหนึ่ง จากเดินที่เคยเห็นว่าเป็นบล๊อกเกอร์ดีๆในอดีต อาจจะแปลกๆ มีกลิ่นไอ รงค์ วงสวรรค์ หรือ กลิ่นไอ เสกสรร ประเสิรฐกุลมาบ้าง ก็ไม่ได้ว่าอะไร คนเราก๊อปกันได้เท่าที่อยากก๊อป (แต่ก๊อปไม่ดีเลยนะคุณ เขียนไม่สื่ออะไรเลย อ่านไม่รู้เรื่องวะ โทษที)
พอมาเห็นอีกที ก็อดจะถอนใจไม่ได้ เลยต้องขอบคุณบล๊อกสินะครับที่ทำให้เห็นธาตุแย่ๆได้ชัดขึ้น นอกจากปากคอเราะร้ายแล้ว ยังไม่ยอมรับความคิดคนอื่น แถมอยากดังอีก
เฮ้อ..ผมเคยอยากไปรู้จัก ร่ำสุรากับคุณนะครับ แต่เห็นจะไม่แล้วดีกว่า ไม่ไหวละครับ ไม่อยากเป็นคนน่าสงสารแบบคนอื่นๆที่หลวมตัวไปเกี่ยวข้องกับคุณ
ผมเป็นนิรนาม แต่มีจรรยาบรรณพอครับ
ไม่เหมือนบล๊อกเกอร์บางคนที่มีความภูมิใจแบบแปลกๆที่ด่าคนแล้วบอกชื่อ แต่ไร้สาระ ไร้จุดยืน และ ไร้เหตุผลสิ้นดี
http://www.managerradio.com/
ฟังรายการย้อนหลัง รายการเมืองไทยรายสัปดาห์
วันที่ 25/03/49 เวลา 16.40 น. "เอาประเทศไทยของเราคืนมา" การปราศรัยที่ สะพานมัฆวาน โดย อาจารย์ ศาสตรา โตอ่อน มหาวิทยาลัยรังสิต
นั้นพี่โตจริงหรือเปล่าเนี้ย??? พี่เมาเหล้ามาเขียนบล็อกหรือไฉน ?? ไหงเป็นแบบนี้ไปได้
พี่โตที่ผมรู้จัก เฮฮาน่ารักกว่านี้สิ ผิดคนหรือเปล่า?
-*-
ขอบคุณทุกท่านสำหรับคำด่าทอ โอ้ย ฮา จริงๆ
แท้จริงแล้วทุกท่าน ฮา ฮา ผมเป็นคนทั้งสุภาพและหยาบคาย แต่สิ่งนึงที่ผมมีแน่ คือ
จริงใจที่จะพูด กล้าที่จะสู้ และยอมรับความคิดคนอื่น ถ้าความคิดนั้นมันเข้าท่า
ส่วนความคิดใดมันไม่เข้าท่า ก็ด่ากันแบบซื่อๆ ไม่ต้องรำมวย ซัดเลย
ส่วนคุณไม่เห็นด้วยคุณก็ซัดมา
ซัดกันไป ซัดกันมา คนละหมัดสองหมัด สนุกดี
คุณด่า ผม ผม ด่า คุณ คุณสุภาพ ผมหยาบคาย แล้วไง
ท้ายที่สุดสมองบวมทั้งคู่
คุณเอ่ยอยากด่าผม ประณามผม ก็ทำไป ผมรับได้สบาย ว่าแต่คุณรับผมได้หรือเปล่า
ถ้ารับได้ ก็เป็นเพื่อนกัน พี่กัน นึกว่ามีเพื่อน พี่ บ้าๆคนนึงก็แล้วกัน ฮา ฮา
ส่วนกรณี หาว่าผมเหมือน รงค์ และเสกสรร ขอบคุณมากที่ยกผมไปถึงขั้นนั้น ขอบคุณจริงๆ
คุณนี่ทายแม่นเหมือนตาเห็น
ห้องผมมีรงค์ ประมาณ ห้าสิบเล่ม ตั้งแต่ยุคเก่า ยุคใหม่ อ่านมาตั้งแต่อยู่ ม.สอง คาดว่าจะอ่านมาก่อน ปราบดา หยุ่น ที่ภาษาเหมือนรงค์อย่างกับแกะ
ส่วน อ.เสกสรรค์ นะหรือผ่านพบไม่ผูกพันอ่านไปสิบรอบ จะไม่ได้กลิ่นบ้างก็แปลกแล้วคุณ
นอกจากนี้หากคุณอ่านกลอนผม จะได้กลิ่นแรงๆ ของ
จิระนันท์ พิศปรีชา ใบไม้ที่หายไป ผมอ่านตั้งแต่ ป.หก
อังคาร กัลยาณพงศ์ นี่อันดับหนึ่งในใจผม
นอกจากนี้ยังมีกลิ่นของ เนาวรัตน์ พงศ์ไพบูลย์ด้วย
และอีกคนที่ผมชอบสำนวนเหน็บแบบกวนๆ คือ ขรรค์ชัย บุญปาน
แต่ที่แน่ๆ ผมไม่เคยเอางานผมไปเปรียบมวยกับใคร เพราะ ถ่อมตนว่าคนละรุ่น
วันนี้ อากาศดี มีความสุข
รักทุกคน รักนะ กริ๊ว กริ๊ว
หยาบคายบุรุษ ณ เบิกบานบุรี
.....มนุษย์.....
กลอนของโตมีกลิ่นแรงๆ ของ "อังคาร กัลยาณพงศ์ จิระนันท์ "พิตร"ปรีชา และเนาวรัตน์ พงศ์ไพบูลย์"
กร๊าก กร๊าก กร๊ากกกกกกก
ขำ
กร๊ากกกก
อย่างน้อย กวีสามท่านนั้นก็เขียนได้จับใจ กินใจ และที่สำคัญ ไม่เคยหลงฉันทลักษณ์ แม้แต่น้อย
กริ๊ก กริ๊ก กริ๊กกกก
อุ๊ยตาย
ฉันปรามาสเซียน...บาปเนอะ
ฉันทลักษณ์ ขอบคุณน้องที่คอยเตือน
พี่เป็นคนชอบแต่งกลอนผิดฉันทลักษณ์บ้าง เวลาเชื่อมต่อไปสู่บทต่อไป
เพราะอะไรนะหรือ
เพราะบางทีการถูกฉันทลักษณ์บังคับ ทำให้การใช้ถ้อยคำไม่สื่ออารมณ์ได้ มันเกิดข้อจำกัด
บางทีก็แหกๆฉันทลักษณ์ไปบ้าว สนุกดี และจงใจ ไม่ใช่ไม่รู้
ส่วนน้องท่านตักเตือนในฐานะ ควายติดปลัก ก็ขอขอบคุณ
ส่วนเรื่องกลิ่น มันคือกลิ่น ไม่ได้หมายถึงคุณภาพ เพราะผมระลึกเสมอว่า ผมเขียนกลอน เพื่อถ่ายทอดความรู้สึก ไม่อาจเทียบเทียมกวีแก้วทั้งสามท่านได้ แม้ว่าจะมีคนชื่นชมกลอนผมอยู่มากคนก็ตาม
ส่วนเรื่องการเมือง ผมทำแล้ว ทำเยอะ เปลืองเยอะกับพวกหมาๆ และผมจะทำต่อไป
จิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่มักเผชิญกับการต่อต้านจากจิตวิญญาณที่อ่อนด้อย ฮา ฮา
เซียนแห่งสำนัก Superiority Complex
กริ๊กกก..กร๊ากก...กรุ๊กกก
กริ๊ก กริ๊ก ขำด้วย ฮา ฮา
เมื่อไรจะหยุดเรื่องแบบนี้กันหว่า คิดว่า เจ้าของบล็อกก็คงไม่ค่อยสบายใจ คนเขียนcomment ก็ไม่ค่อยสบายใจ คนอ่านก็ไม่ค่อยสบายใจ ผมเองก็ไม่ค่อยสบายใจ เบื่อว่ะ เซ็ง.....
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก