วันเสาร์, เมษายน 26, 2551

ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากร เห็นต่างไม่ใช่อาชญากรรม



"Je ne suis pas d’accord avec ce que vous dites, mais je me battrai jusqu’à la mort pour que vous ayez le droit de le dire"

"ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับที่ท่านพูด แต่ข้าพเจ้าจะต่อสู้จนตัวตายเพื่อให้ท่านได้มีสิทธิพูด"

ประโยคนี้ปรากฏขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ๑๙๐๖ ในงานภาษาอังกฤษชื่อ "The Friends of Voltaire" ของ Evelyn Beatrice Hall เธอสันนิษฐานว่าวอลแตร์เป็นผู้กล่าว แต่จากการสำรวจหลักฐานทุกชิ้นแล้ว ไม่ปรากฏว่าวอลแตร์กล่าวไว้จริงหรือไม่ ในงานชิ้นใด

อย่างไรก็ตาม อาจกล่าวได้ว่า ประโยคนี้เป็นความคิดของวอลแตร์ ซึ่งคนรุ่นหลังๆสรุปเอาจากบทบาทของวอลแตร์ในช่วงที่เขาเข้าไปมีบทบาทต่อสู้ รณรงค์ให้ปล่อยผู้ต้องหาในหลายๆคดี เพราะกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความเห็น

.............

เสรีภาพในความรัก

เชื่อว่าทุกคนคงเคยรักใครบางคน

เช่นกันทุกคนคงเคยไม่รัก เฉยๆแบบไม่รักไม่เกลียด หรือถึงขนาดเกลียดใครบางคน

ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ เรื่องของรสนิยม บางครั้ง หากเอา “มาตรวัด” ทางศีลธรรมมาจับก็คงไม่เหมาะ

การชี้นิ้วว่าเอ็งเป็นคนเลว เพราะเอ็งไม่รักคนคนเดียวกับข้า

การเหมารวมเอาว่าการที่เขาไม่รักใครบางคนย่อมเป็นตัวชี้วัดว่าเขาเป็นคนเลว

คนคนหนึ่งที่ปล้น ฆ่า ข่มขืน อาจกลายเป็นคนดีในชั่วข้ามคืนด้วยเหตุเพียงว่า เขาประกาศตนว่ารักคนคนเดียวกับที่คนส่วนมากเขารักกัน

ทั้งหลายเหล่านี้ ย่อมเป็นการล้ำพรมแดนเสรีภาพแห่งความรัก

ความเห็นบางความเห็นอาจไม่เข้ากันกับรสนิยมกระแสหลักของคนจำนวนมาก แต่ก็ไม่จำเป็นที่ต้องปิดกั้นไม่ให้เขาเหล่านั้นได้แสดงออก

การประกาศตนว่ารักใครสักคนสามารถทำได้อย่างองอาจ

และในบางกรณีการประกาศตนเช่นว่านั้น ยังอาจส่งผลกระตุ้นอะดรีนาลีนในร่างกายให้หลั่งออกมาจนสร้างความปีติสุขให้แก่ตนเองได้อีกด้วย

แล้วเหตุใดการบอกว่าไม่รักหรือรู้สึกเฉยๆ จึงต้องถูกคุกคามจากอำนาจ – ทั้งตามกฎหมายและนอกกฎหมาย - ด้วยเล่า

การรักหรือไม่รักใครสักคนย่อมเกิดจากมโนธรรมสำนึกส่วนตน หาเกิดจากการบังคับไม่จะให้ทำเช่นไร

หากมโนธรรมสำนึกของเขาบอกเขาว่า เขารักและเทิดทูนคนคนหนึ่ง หรือพระเจ้าในศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่คนคนเดียวกันกับคนที่คนส่วนใหญ่รักและเทิดทูน

หรือ หากมโนธรรมสำนึกของเขาบอกว่า เขารู้สึกเฉยๆกับคนที่คนส่วนใหญ่รัก

เขาจะโดนคุกคามจากภัยใดหรือไม่

วันหนึ่ง เราอาจเห็นคนรุมกระทืบคนที่ไม่รักคนคนหนึ่งที่คนส่วนใหญ่เขารักกัน

ร้ายแรงกว่านั้น เราอาจเห็นการฆาตกรรมหมู่กลางมหานคร ด้วยมูลเหตุเพียงว่า เหยื่อพวกนี้ไม่มีรสนิยมแบบที่คนส่วนมากเขามี

มีแต่สังคมป่าเถื่อนและไร้อารยะเท่านั้น ที่ไม่เปิดพื้นที่ให้ความคิด ความเชื่อ หรือรสนิยมที่แตกต่าง

ฤาสังคมแห่งนี้ แม้เพียงเสรีภาพในความรัก ก็มิอาจหยิบยื่นให้แก่กันได้

เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นถูกคุกคามอย่างมากพอแล้ว แล้วนี่จะไม่เหลือพื้นที่ให้เสรีภาพในความรักบ้างเลยหรือ


8 ความคิดเห็น:

Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เห็นด้วย 100% เต็ม กับเจ้าของบล๊อก

เพียงแต่ว่า
เราต้องบริหารจัดการความเสี่ยง ในการอยู่ในสังคมอันเปี่ยมไปด้วยการโฆษณาแบบสุดขั้ว..
ที่ส่งผลให้ คนส่วนใหญ่มากๆๆในประเทศ
เขาไม่ได้คิดแบบเราด้วยครับ

ในสังคมที่มีทั้ง "กฏหมาย" และ "กฏหมู่" ที่พร้อมจะ ไม่รับฟัง เอาผิด และลงโทษขั้นรุนแรง
กับคนที่คิดต่าง เห็นต่าง นั้น..

สำหรับท่านที่ยังยืนยันความเห็นตนได้อย่างชัดเจน
ซื่อตรงต่อความเห็นของตน ทั้งเบื้องหน้า่ และ เบื้องหลัง
ผมขอคารวะ จากใจจริง

แต่..
สำหรับคนที่มีภาระอยู่ภายหลังมากมาย

ขอแนะนำว่า ท่านคงต้องระมัดระวังการแสดงท่าทีในสังคมให้มากนะครับ..

โดยส่วนตัวแล้ว
ห่วงเหลือเกินว่า
เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีก
ในเร็วเดือนนี้...

10:39 ก่อนเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ชอบบทความแบบนี้ ภาษาพื้นๆดี อ่านเข้าใจง่าย


ชอบประโยคที่ว่า
"มีแต่สังคมป่าเถื่อนและไร้อารยะเท่านั้น ที่ไม่เปิดพื้นที่ให้ความคิด ความเชื่อ หรือรสนิยมที่แตกต่าง"

7:39 หลังเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

i can only think "the audiences" in this blog don't accept the differences.

10:22 ก่อนเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขออนุญาตนำชื่ออ.ไปลงในวิกิพีเดียนะครับ
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87#.E0.B8.9E.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.A0.E0.B8.B4.E0.B8.81.E0.B8.A9.E0.B8.B8_.E0.B8.99.E0.B8.B1.E0.B8.81.E0.B8.9A.E0.B8.A7.E0.B8.8A

6:51 ก่อนเที่ยง  
Blogger Sayo กล่าวว่า...

เห็นด้วยเช่นกันค่า

แวะมาทักทายครับผม
หวังว่าท่านอาจารย์คงสบายดี

7:01 ก่อนเที่ยง  
Blogger Tier Etat กล่าวว่า...

มีความรักก็เหมือนมีทุกข์ ถ้ามีเสรีภาพในความรักมากๆ เห็นที่ต้องเตรียมพื้นที่สำหรับคนอกหักไว้ด้วยเหมือนกันนะคร้าบ

11:36 ก่อนเที่ยง  
Blogger Gelgloog กล่าวว่า...

นั่นซิ........

5:01 หลังเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

คุณแน่ใจได้อย่างไรว่าเสรีภาพในการแสดงความรักที่คุณพูดถึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และจะทำให้สังคมและประเทศชาติสงบสุข
คุณเพียงแค่มีโอกาสได้ไปเรียนต่างประเทศและถูกชักจูงให้เชื่อว่าสิ่งที่ได้พัฒนามาแล้วในต่างประเทศนั้นดีที่สุด
ความคิดของคุณมันอาจจะถูกสำหรัฝรังเศส อังกฤษ หรืออเมริกา แต่มันจะสร้างความสงบสุขให้สังคมไทยได้แน่หรือ
คุณเป็นคนฉลาดโปรดใช้สมองของคุณพิจารณาให้ดีๆ

7:12 ก่อนเที่ยง  

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก