วันอังคาร, มิถุนายน 13, 2549

ฟร้องค์ ริเบรี่


ฟร้องค์ ริเบรี่ เกิดเมื่อ ๑ เมษายน ๑๙๘๓ ย่านคนจนที่เมือง Boulogne-sur-mer ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส ชีวิตของเขาต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ไม่สู้ดี เมื่อริเบรี่อายุได้ ๒ ขวบ เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างร้ายแรง แต่พระเจ้าก็ยังอยู่ข้างเขา ริเบรี่รอดตายได้หวุดหวิด เหลือเพียงรอยบาดแผลบนใบหน้าที่ยังคงเป็นเครื่องเตือนความทรงจำความเลวร้ายในครั้งนั้น

ครอบครัวของริเบรี่มีฐานะยากจน มีเพียงฟุตบอลที่ช่วยให้ริเบรี่ลืมความทุกข์ในชีวิตไปได้บ้าง เพื่อนๆของริเบรี่บอกว่าริเบรี่ใฝ่ฝันจะเป็นเหมือนมาราโดน่า

เส้นทางลูกหนังของริเบรี่น่าสนใจไม่น้อย ตลอด ๕ ปีแรก เขาย้ายสังกัดแล้วถึง ๗ สโมสร ชีวิตค้าแข้งของริเบรี่เริ่มต้นอย่างไม่ราบเรียบนัก เขาเป็นผลผลิตจากโรงเรียนลูกหนังของสโมสร Lille แต่ก็ไม่ได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพ ริเบรี่จึงหวนกลับไปเล่นให้กับ Boulogne ทีมสมัครเล่นบ้านเกิดในปี ๒๐๐๑ – ๒๐๐๒ จากนั้นในปี ๒๐๐๒ -๒๐๐๓ ริเบรี่ก็ชีพจรลงเท้าย้ายไปเล่น Alès ในดิวิชั่น ๓ ต่อด้วย Brest ฟอร์มของริเบรี่เตะตาแมวมองของ Metz จนต้องซื้อตัวเขาไปร่วมทีมในปี ๒๐๐๔ ที่ Metz นี่เองที่ฟอร์มของริเบรี่เริ่มเข้าฝัก ด้วยการปลุกปั้นของฌอง แฟร์น็องเดซ

ริเบรี่เล่นให้เม็ตซ์ได้ไม่ถึงฤดูกาล เขาก็ยุติการตระเวนค้าแข้งอยู่ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส ด้วยการข้ามน้ำข้ามทะเลไปค้าแข้งถึงอิสตันบูลกับสโมสรกาลาตาซาราย ริเบรี่ใช้ชีวิตนักเตะอยู่ในแดนไก่ช่วงสั้นๆเพียง ๖ เดือน แต่ก็สร้างความประทับใจให้กับกองเชียร์ในอาลี ซามิเยน ช่วยพาทีมคว้าแชมป์บอลถ้วยในปี ๒๐๐๕ จนชาวเติร์กตั้งฉายาให้เขาว่า “FerraRibéry” สมกับความเร็วของเขา

ฤดูกาล ๒๐๐๕ – ๒๐๐๖ ฌอง แฟร์น็องเดซรับตำแหน่งผู้จัดการทีมโอลิมปิก มาร์เซย์ เขาดึงเอานักเตะคู่บุญอย่างริเบรี่กลับมาร่วมทีมอีกครั้ง แฟร์น็องเดซมอบบทบาทให้ริเบรี่อย่างเต็มที่ การเลี้ยงจี้ของเขาปั่นป่วนกองหลังของทุกทีม ตลอดฤดูกาลนี้ ริเบรี่โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจจนได้รับการโหวตเป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลและพาโอแอ็มเข้าชิงเฟรนช์ คัพ แต่ก็พ่ายต่อปารีส แซงต์ แชร์แม็งไป

ล่าสุด ทีมยักษ์ใหญ่หลายทีมพยายามจีบริเบรี่ไปร่วมทีม เพราะเชื่อแน่ว่าหากรอจนถึงหลังฟุตบอลโลกค่าตัวของเขาจะพุ่งขึ้นไปอีก ทีมเต็งที่จะได้ไป คือ โอลิมปิก ลียง ซึ่งฌอง – มิเชล โอลาส ประธานสโมสรถึงกับประกาศว่าเขามั่นใจว่าจะได้ตัวริเบรี่มาแน่นอน

ด้วยฟอร์มอันร้อนแรง สื่อมวลชนและคนฝรั่งเศสจำนวนมากเรียกร้องให้โดเมเน็กหนีบเอาริเบรี่ไปฟุตบอลโลกด้วย อย่างน้อยก็ในฐานะเป็นตัวโจ๊กเกอร์ แม้ริเบรี่จะไม่เคยถูกเรียกติดธงสักครั้งเลยก็ตาม

ในที่สุดเรย์มงด์ โดเมเน็กก็ตัดสินใจเรียกริเบรี่เข้าเป็นหนึ่งใน ๒๓ ขุนพลตราไก่ ทำเอาลูโดวิช ชูลี่, เฌอโรม โรเธน, โยฮัน มิกูด์ หรือโรแบร์ ปิแรส อกหักไปตามๆกัน โดยเฉพาะชูลี่ถึงกับออกอาการว่าโดเมเน็กไม่ยุติธรรม เชื่อได้ว่าถึงตอนนี้ชูลี่คงยอมรับฟอร์มของริเบรี่อยู่เหมือนกัน

ตลอด ๓ นัดอุ่นเครื่องก่อนเริ่มฟุตบอลโลก พบเม็กซิโก เดนมาร์ก และจีน ยามใดที่เกมของฝรั่งเศสไม่ดี กองเชียร์พร้อมใจส่งเสียงกระหึ่ม “ริเบรี่ ริเบรี่” เพื่อกดดันให้โดเมเน็กเปลี่ยนเอาริเบรี่ลงช่วง ๒๐ นาทีสุดท้าย โดเมเน็กเปลี่ยนเอาริเบรี่ลงแทนซีดานบ้าง แทนเตรเซเกต์บ้าง แทนอองรีบ้าง ซึ่งริเบรี่ก็ไม่ทำให้แฟนตราไก่ผิดหวัง การลงสนามของเขาช่วยเปลี่ยนเกมให้ฝรั่งเศสได้เยอะ

จากผลงานเข้าตาของเขา กองเชียร์ฝรั่งเศสก็เรียกร้องให้โดเมเน็กกล้าเสี่ยงส่งริเบรี่ลงเป็น ๑๑ ตัวจริงนัดเปิดสนามกับสวิตเซอร์แลนด์

และด้วยฟอร์มที่ดีในนัดอุ่นเครื่อง แรงสนับสนุนจากกองเชียร์ ประกอบกับการบาดเจ็บของฟลอร็องด์ มาลูด้า ปีกซ้ายจากลียง ทำให้โดเมเน็กตัดสินใจให้ริเบรี่เป็น ๑๑ ตัวจริง รับบทบาทปั้นเกมรุกร่วมกับซีดาน

๑๑ ตัวนัดพบกับสวิตเซอร์แลนด์ มีดังนี้

ผู้รักษาประตู บาร์เตซ
กองหลังจากขวาไปซ้าย ซาญอล – ตูราม – กัลล่าส์ – อบิดาล
กองกลางตัวรับ วิเอร่า – มาเกเลเล่
กองกลางตัวรุก วิลตอร์ – ซีดาน – ริเบรี่
หน้าเป้า อองรี

กล่าวสำหรับแผน ๔ – ๒ – ๓ – ๑ ในช่วงหลังๆ โดเมเน็กเลือกใช้แผนนี้อยู่บ่อยครั้ง เพราะหวังกับแผงมิดฟิลด์ตัวรุกที่มีคุณภาพอยู่หลายคน โดยถอดเอาดาวิด เทรเซเก้ต์ คู่ขาในแดนหน้ากับอองรีในทีมชาติตลอดหลายปีที่ผ่านมา ออกมาเป็นตัวสำรอง หากรูปเกมไม่ดี ต้องการประตูเพิ่ม โดเมเน็กก็จะถอดเอากองกลางออกแล้วส่งเทรเซโกล์ลงไปแทน

ระยะหลัง ฝรั่งเศสเจอสวิตเซอร์แลนด์อยู่บ่อยครั้ง ในยูโร ๒๐๐๔ รอบแรก ฝรั่งเศสชนะไป ๓-๑ รอบคัดเลือกฟุตบอลโลก ๒๐๐๖ เจอกันมาสองนัด นัดแรกเสมอ ๑-๑ นัดที่สองเสมอ ๐-๐ นัดนี้ฝรั่งเศสต้องเก็บ ๓ แต้มให้ได้เพื่อเข้าเป็นที่ ๑ ของกลุ่ม เพื่อหลีกเลี่ยงไม่เจอกับสเปนซึ่งคาดว่าจะเป็นที่หนึ่งของกลุ่มเอชในรอบสอง และเพื่อหลบบราซิลซึ่งอาจเจอกันในรอบ ๘ ทีมสุดท้าย

สวิตเซอร์แลนด์ชุดนี้เป็นทีมคนรุ่นใหม่ อายุเฉลี่ยน้อยเป็นลำดับที่สองรองจากกาน่า มีนักเตะอายุต่ำกว่า ๒๔ ปีถึง ๑๐ คน โคบี้ คูห์น สร้างทีมชุดนี้เพื่ออนาคตในยูโร ๒๐๐๘ ที่สวิตเซอร์แลนด์จะเป็นเจ้าภาพร่วมกับออสเตรีย โดยมีแกนหลักจากนักเตะชุดแชมป์ยุโรปรุ่นอายุไม่เกิน ๑๗ ปีเมื่อปี ๒๐๐๒ อย่างฟิลิป เซนเดอรอส กองหลัง, ฟิลิป เดเก้น แบ็คขวา (มีฝาแฝดอีกคน คือ เดวิด เดเก้น กองกลาง), ทรากีโย่ บราเก็ตต้า กองกลาง และโยฮัน วอนลันเธน กองหน้า ผสมกับนักเตะมากประสบการณ์อย่าง ปาทริค มุลแลร์ กองหลัง, โยฮัน โฟเกิ้ล กองกลางตัวคุมเกม, ราฟาแอล วิคกี้ กองกลาง และอเล็กซานเดอร์ ฟราย กองหน้าจอมถล่มประตูจากสโมสรแรนส์แห่งลีก เอิง

น่าจะเป็นเกมที่สนุกอีกนัด ผมเดาว่าหากฝรั่งเศสจะทำประตูได้ ประตูนั้นน่าจะมาจากแผงกองลางตัวรุกทั้งสามตัว

จับตานักเตะหมายเลข ๒๒ ของเลส เบลอส์

“ไอ้หน้าบาก” ฟร้องค์ ริเบรี่

6 ความคิดเห็น:

Blogger Etat de droit กล่าวว่า...

ข้อสังเกตบอลโลก วันที่ ๑๒ มิ.ย.

๑. บอลโลกงวดนี้ ยิงกันเร็วมาก ๒๕ นาทีแรก นี่ยิงกันละ

๒. อากาศร้อน ดูบอลครึ่งแรกกับครึ่งหลังเหมือนไม่ใช่ฟุตบอลแม็ทช์เดียวกัน ครึ่งหลังเนือยๆทุกทีม

๓. ทีมจากแอฟริกามาแนวเดียวกันหมด คุมเกมได้ ทำเกมได้ ต่อบอลได้ แต่จบสกอร์ไม่ได้เรื่อง

๔. ญึ่ปุ่นเสียขวัญไปหน่อย แต่เล่นได้ดี เสียดายหน้าไม่คมพอ ซึ่งเป็นปัญหาของญึ่ปุ่นมาตลอด

๕. นึกว่าออสซี่เล่น ๑๐ คน ไม่เห็นคีเวลล์เลย

๖. อเมริกาชุดนี้คงไม่มีปาฏิหาริย์เหมือน ๔ ปีที่แล้วที่เข้าถึงรอบ ๘ ทีม

๗. เช็กเล่นบอลเร้าใจ เหมือนยูโร ๒๐๐๔ เป๊ะ หลังแน่นขึ้นกว่าเก่าด้วย

๘. อิตาลีใช้ได้ สังหรณ์ใจว่าอิตาลีอาจได้แชมป์โลก สถานการณ์คล้ายๆปี ๑๙๘๒ ไม่มีใครจับตามองอิตาลี หันไปดูแต่บราซิลกันหมด สุดท้ายอิตาลีปราบบราซิลไปถึงรอบชิงชนะเยอรมัน คว้าแชมป์โลกเฉย

แถมยังมีเรื่องอื้อฉาวก่อนเริ่มแข่งเหมือนกันอีก ตอนนั้น เปาโล รอสซี่โดนคดีล้มบอล พ้นโทษกลับมาทันบอลโลกพอดี งานนี้ยูเวนตุสก็มีคดีล้มบอลอีก

4:44 ก่อนเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อีกหนึ่งในประตูที่ฝรั่งเศสจะทำได้ น่าจะมาจากการช่วยสงเคราะห์ของฟิลิป เซนเดอรอส สุดยอดเซนเตอร์(?)จากกูนเนอร์ส

รอชมฟอร์มของเจ้านี่อยู่เหมือนกันครับ

9:07 ก่อนเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

แหม

คิดว่า "เคน โดเฮอร์ตี้"

เห็นบากๆเหมือนกัน

12:43 หลังเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เท่าที่ชม ปีนี้ทีมชาติใหม่ๆ เล่นได้ดี แต่ดีไม่ค่อยพอ

ในขณะที่ทีมแข็งๆ ก็ถึงไม่หวือหวา แต่ก็เล่นได้ดี ดีแบบพอที่ทีมเล็กๆ ใหม่ๆ จะเอาชนะไม่ได้ วืดวาดอย่างมากคือยันเสมอ ซึ่งก็ไม่พอหรอก

การพลิกล๊อกแรงๆคงยาก ประเภทม้ามืดจากป่ามาคว้าถ้วยแบบบอลยุโรปคงยาก

คิดว่าในที่สุดถ้วยก็น่าจะตกไปอยู่ในมือของยักษ์ ที่เคยได้แชมป์โลกแล้วแน่ๆ

แต่จะมีทีมยุโรปตะวันออกที่ไปได้ไกลกว่าที่คิด หากทีมเอเชียและแอฟริกา บอกได้เลยว่าได้ไกลสุดแค่รอบแปดทีมกระมัง

6:02 ก่อนเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

กลายเป็นบอร์ดบอลไปเรียบร้อยหลังจากทีไม่ได้เข้ามานาน

ตอนนี้เรียนภาษาอยู่
นัดโปแลนด์แข่งกับเยอรมันลุ้นมาก
เพราะมีเพื่อนจากสองชาติอยู่ในห้องเรียนด้วย
วันรุ่งขึ้นหลังแข่ง
เพื่อนมาเรียนด้วยอาการสลีมสลือ
แต่
ยังไม่วายเกทับ
โปแลนด์จ๋อยเล็กน้อย
น่าโฉงฉานนนนน

2:20 หลังเที่ยง  
Blogger bact' กล่าวว่า...

นัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม
ฝรั่งเศสต้องยิง +2 ลูก ถึงจะเข้ารอบนะเนี่ย
ใช่รึเปล่าครับ ?

Group G

11:18 หลังเที่ยง  

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก