เอือม
เอือม ๑
นาย โอลิเวอร์ จูเฟอร์ ชายชาวสวิส วัย 57 ปี ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งถูกจับกุมตัวหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจของเชียงใหม่ตรวจสอบวิดีโอบันทึกเทปพบว่านายโอลิเวอร์เป็นผู้พ่นสีสเปรย์ใส่พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชฯ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2549 ด้วยความเมา เขาจึงถูกศาลไทยตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 10 ปี
ในวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา นายพิษณุ แทนบัวคลี่ ผู้พิพากษาในคดีที่นายโอลิเวอร์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตัดสินให้นายโอลิเวอร์ จูเฟอร์ จำคุกด้วยความผิด 5 กระทง โดยผู้ต้องหาจะได้รับโทษจำคุก 4 ปี ต่อความผิดที่ก่อขึ้น 5 กระทง รวมทั้งหมดเป็นเวลา 20 ปี แต่เนื่องจากนายโอลิเวอร์ยอมรับความผิดและรับสารภาพแต่โดยดี จึงได้รับการลดโทษเหลือเพียงการจำคุกเป็นเวลา 10 ปี
ทั้งนี้ นายโอลิเวอร์เป็นชาวต่างชาติคนแรกที่ถูกตัดสินจำคุกจากข้อหาหมิ่นพระบรมดชานุภาพ ในขณะที่ผู้สื่อข่าวต่างชาติรายงานว่านายโอลิเวอร์มีโอกาสยื่นอุทธรณ์ต่อศาลได้ภายในเวลา 1 เดือน แต่ดูเหมือนนายโอลิเวอร์จะรอการพระราชทานอภัยโทษหรือการถูกเนรเทศกลับประเทศมากกว่า
แม้คดีดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากผู้สื่อข่าวต่างประเทศเป็นจำนวนมาก อาทิ สำนักข่าวบีบีซี, เอพี, เอเอฟพี, รอยเตอร์ และซีเอ็นเอ็น แต่ไม่มีสื่อไทยรายงานข่าวนี้ หรือสื่อที่มีรายงานเกี่ยวกับคดีดังกล่าวก็เป็นสื่อภาษาอังกฤษ เช่น The Nation เท่านั้น
สื่อต่างประเทศหลายแห่งที่รายงานความคืบหน้าในคดีของนายโอลิเวอร์ จูเฟอร์ ได้กล่าวถึงกฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทยว่าเป็นกฏหมายที่เข้มงวดทารุณและไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น แต่ประชาชนไทยไม่มีปฏิกิริยาต่อเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด
เอือม ๒
นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ปิดเว็บไซต์ของกลุ่ม"คนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ" ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว หลังพบว่าเว็บไซต์ดังกล่าวมีเนื้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อีกทั้งยังเชื่อมต่อไปยังเว็บบอร์ดที่แสดงรายชื่อผู้ร่วมถอดถอน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ออกจากประธานองคมนตรี
เอือม ๓
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รก.ผบ.ตร.) กล่าวถึงกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการและกลุ่มพิราบขาว 2006 ล่ารายชื่อประชาชน 1 แสนชื่อรวมทั้งเปิดเว็บไซต์ เพื่อถวายฎีกาถอดถอน พล.อ.เปรม ออกจากตำแหน่งองคมนตรี ว่า ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล กล่าวว่า พฤติการณ์และการรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นถอดถอนประธานองคมนตรี เป็นการกระทำที่มิบังควรเพราะอาจเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท อีกทั้งยังก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีในหมู่คนไทย ซึ่งทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองจึงขอความร่วมมือให้หลีกเลี่ยง และโดยมารยาทแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรกระทำ
นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ผู้ที่ดำเนินการเรื่องนี้ เป็นคนที่คิดไม่ดี และเป็นผู้ที่สร้างปัญหาให้เกิดความแตกร้าวในหมู่ประชาชนด้วยกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องเบื้องสูง ไม่ควรจะยุ่งและทำไม่ได้ด้วย เพราะเป็นการละเมิดพระราชอำนาจ การกระทำเช่นนี้จะต้องมีผู้อยู่เบื้องหลัง จึงขอเตือนว่า ไม่ควรจะทำอย่างยิ่ง จะอ้างว่า ไม่รู้กฎหมายคงไม่ได้ แต่ถ้ายังยืนยันที่จะทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คงต้องมาพิจารณาเจตนากันอีกครั้ง
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตักเตือนและปรามบุคคลที่ออกมารวบรวมรายชื่อ และวิพากษ์วิจารณ์ประธานองคมนตรี รวมถึงขอให้ตรวจสอบข้อความตามเว็บไซต์อย่างเข้มงวด เนื่องจากเข้าข่ายละเมิดประมวลกฎหมายอาญา ในประเด็นการละเมิดพระราชอำนาจ การก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลบาท ความแตกแยกของคนในชาติ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการแต่งตั้งหรือการให้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าว เป็นเรื่องของพระราชอำนาจ ดังนั้น แม้ผู้ที่เคลื่อนไหวจะอ้างว่าเป็นสิทธิเสรีภาพทางการเมืองที่สามารถทำได้ แต่ไม่สมควรนำสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันเห็นว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการรักษาความสงบของบ้านเมืองกลับนิ่งเฉย ไม่ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ถือว่าทำงานอ่อนแอ ล่าช้า ใช้ไม่ได้ จึงขอเรียกร้องไปยังบุคคล 2 กลุ่ม คือฝ่ายที่ออกมาเคลื่อนไหวล่ารายชื่อ ขอให้ยุติการกระทำดังกล่าว และฝ่ายที่รักษากฎหมายต้องเร่งทำอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อไม่ให้การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น
เอือม ๔
นายยศศักดิ์ โกไสยกานนท์ อายุ 38 ปี อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ตำแหน่งนักวิชาการประจำคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และอนุกรรมการพนักงานเจ้าหน้าที่ดำรงผู้ทรงคุณวุฒิในการตรวจสอบหุ้นชิน เดินทางเข้าแจ้งความที่ สน.ลาดพร้าว ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เปิดเว็บไซต์ tmctoday.com ในฐานทำให้ พล.อ.เปรม เสื่อมเสียชื่อเสียง ในการล่าชื่อถอดถอนออกจากตำแหน่งและสั่งปิดเว็บภายใน 3 วัน ให้ค้นหาว่าใครเป็นเจ้าของเว็บไซต์นี้และติดตามตัวมาดำเนินคดี ไม่เช่นนั้นจะร้องทุกข์ไปที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและดีเอสไอ ซึ่งต้องการที่จะลดกระแสกดดันในการเมืองของกลุ่มที่เคลื่อนไหวประท้วง ซึ่งหากมีหลอกลวงประชาชนสำเร็จจะเกิดผลกระทบกับ คมช
วันนี้ (3 เม.ย.) ที่รัฐสภา นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ นักวิชาการประจำคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต แถลงว่า ได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจ สน.ลาดพร้าว วานนี้ (2 เม.ย.) กรณีที่มีผู้เปิดเว็บไซด์ละเมิด พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ตามประมวลกฎหมายอาญา 2 มาตรา ได้แก่ มาตรา 112 และ 328 แต่ พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ระบุว่า ไม่ครอบคลุมมาตรา 112 ที่ว่าด้วยการดูหมิ่นกษัตริย์ พระราชวงศ์ หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตนในฐานะอาจารย์สอนกฎหมายอาญา และคนสงขลา ไม่สบายใจ เพราะคนระดับ ผบช.น.ไม่น่าตอบสั้นๆ ง่ายๆ แบบนี้ เนื่องจากตำแหน่งองคมนตรี แม้ไม่ใช่ผู้สำเร็จราชการ แต่ก็เป็นตำแหน่งระดับสูงที่ทรงแต่งตั้ง อย่างไรก็ตาม หากตำรวจเห็นว่าไม่เข้าข่ายความผิดมาตรานี้ก็ไม่ติดใจ “อย่างไรก็ดี สำหรับความผิดตามมาตรา 328 เรื่องการดูหมิ่นโดยการโฆษณา แม้เมื่อ 3 ทุ่มวานนี้ เว็บไซต์ดังกล่าวจะปิดตัวเอง แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ใส่ใจ ที่จะสั่งตรวจสอบเจ้าของเว็บไซต์ และผู้เผยแพร่เว็บไซต์ตลอดจนผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งหากภายในวันที่ 4 เมษายน ยังไม่มีการสั่งการใดๆ จะขอเข้าพบ นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้บรรจุเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ เรื่องนี้อยู่ในดุลพินิจของรัฐมนตรีที่จะพิจารณาในที่ประชุมได้ แต่ถ้าไม่ว่างก็จะขอพบ นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวง แทน ทั้งนี้ ที่ต้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำ เพราะได้ยินหนาหูว่า ตำรวจไม่กล้าดำเนินการตรวจสอบ เนื่องจากกลัวการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง” นายยศศักดิ์ กล่าว
เอือม ๕
นายณัฐฐวัฒน์ สุทธิโยธิน ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ประจำวันที่ 3 เม.ย. ว่า ครม.ได้พิจารณาข้อเสนอของสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(สลธ.คมช.) ที่ได้เสนอขอเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษ นอกเหนือจากโควต้าปกติ เกี่ยวกับเรื่องขั้นเงินเดือนให้กับเจ้าหน้าที่กำลังจำนวน 423 นายซึ่งปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยัน ซื่อสัตย์ อดทน จิตใจมุ่งมั่น ทุ่มเทสติปัญญาในการปฏิบัติราชการทั้งในธรรมดาและวันหยุด เพื่อความมั่นคงของประเทศมาโดยตลอด ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบแทนผลการปฏิบัติงานและเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยันและอดทน ทั้งนี้สำนักงานเลขาธิการคมช.เป็นส่วนรับผิดชอบของ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล เลขาธิการ คมช.เป็นผู้ดูแล
"ทาง คมช.จึงขอเสนอครม.ให้กรุณาพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือจากโควต้าปกติให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในคมช.ในอัตราร้อยละ 15 จากเดิมที่เคยได้รับแล้วร้อยละ 15 ก็รวมเป็นร้อยละ 30 อันนี้เป็นโควต้าพิเศษที่อนุมัติเพิ่มเติมให้ในวันนี้นะครับ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งสำหรับกำลังพลที่ปฏิบัติงาน"
เอือม ๖
ไอซีทีปิดเว็บไซต์ยูทูบ โดยขึ้นข้อความว่า "ขออภัย เว็บไซต์นี้เป็นเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) จำเป็นต้องปิดกั้นเว็บไซต์นี้
หากมีข้อคิดเห็นอื่นใด หรือพบเว็บไซต์อื่นที่ไม่เหมาะสม โปรดแจ้งผ่านดวงตาข้างบนหรือ
ict.cyberclean.org"
ที่มาของข่าว คัดจากประชาไท
นาย โอลิเวอร์ จูเฟอร์ ชายชาวสวิส วัย 57 ปี ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งถูกจับกุมตัวหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจของเชียงใหม่ตรวจสอบวิดีโอบันทึกเทปพบว่านายโอลิเวอร์เป็นผู้พ่นสีสเปรย์ใส่พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชฯ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2549 ด้วยความเมา เขาจึงถูกศาลไทยตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 10 ปี
ในวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา นายพิษณุ แทนบัวคลี่ ผู้พิพากษาในคดีที่นายโอลิเวอร์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตัดสินให้นายโอลิเวอร์ จูเฟอร์ จำคุกด้วยความผิด 5 กระทง โดยผู้ต้องหาจะได้รับโทษจำคุก 4 ปี ต่อความผิดที่ก่อขึ้น 5 กระทง รวมทั้งหมดเป็นเวลา 20 ปี แต่เนื่องจากนายโอลิเวอร์ยอมรับความผิดและรับสารภาพแต่โดยดี จึงได้รับการลดโทษเหลือเพียงการจำคุกเป็นเวลา 10 ปี
ทั้งนี้ นายโอลิเวอร์เป็นชาวต่างชาติคนแรกที่ถูกตัดสินจำคุกจากข้อหาหมิ่นพระบรมดชานุภาพ ในขณะที่ผู้สื่อข่าวต่างชาติรายงานว่านายโอลิเวอร์มีโอกาสยื่นอุทธรณ์ต่อศาลได้ภายในเวลา 1 เดือน แต่ดูเหมือนนายโอลิเวอร์จะรอการพระราชทานอภัยโทษหรือการถูกเนรเทศกลับประเทศมากกว่า
แม้คดีดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากผู้สื่อข่าวต่างประเทศเป็นจำนวนมาก อาทิ สำนักข่าวบีบีซี, เอพี, เอเอฟพี, รอยเตอร์ และซีเอ็นเอ็น แต่ไม่มีสื่อไทยรายงานข่าวนี้ หรือสื่อที่มีรายงานเกี่ยวกับคดีดังกล่าวก็เป็นสื่อภาษาอังกฤษ เช่น The Nation เท่านั้น
สื่อต่างประเทศหลายแห่งที่รายงานความคืบหน้าในคดีของนายโอลิเวอร์ จูเฟอร์ ได้กล่าวถึงกฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทยว่าเป็นกฏหมายที่เข้มงวดทารุณและไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น แต่ประชาชนไทยไม่มีปฏิกิริยาต่อเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด
เอือม ๒
นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ปิดเว็บไซต์ของกลุ่ม"คนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ" ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว หลังพบว่าเว็บไซต์ดังกล่าวมีเนื้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อีกทั้งยังเชื่อมต่อไปยังเว็บบอร์ดที่แสดงรายชื่อผู้ร่วมถอดถอน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ออกจากประธานองคมนตรี
เอือม ๓
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รก.ผบ.ตร.) กล่าวถึงกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการและกลุ่มพิราบขาว 2006 ล่ารายชื่อประชาชน 1 แสนชื่อรวมทั้งเปิดเว็บไซต์ เพื่อถวายฎีกาถอดถอน พล.อ.เปรม ออกจากตำแหน่งองคมนตรี ว่า ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล กล่าวว่า พฤติการณ์และการรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นถอดถอนประธานองคมนตรี เป็นการกระทำที่มิบังควรเพราะอาจเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท อีกทั้งยังก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีในหมู่คนไทย ซึ่งทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองจึงขอความร่วมมือให้หลีกเลี่ยง และโดยมารยาทแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรกระทำ
นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ผู้ที่ดำเนินการเรื่องนี้ เป็นคนที่คิดไม่ดี และเป็นผู้ที่สร้างปัญหาให้เกิดความแตกร้าวในหมู่ประชาชนด้วยกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องเบื้องสูง ไม่ควรจะยุ่งและทำไม่ได้ด้วย เพราะเป็นการละเมิดพระราชอำนาจ การกระทำเช่นนี้จะต้องมีผู้อยู่เบื้องหลัง จึงขอเตือนว่า ไม่ควรจะทำอย่างยิ่ง จะอ้างว่า ไม่รู้กฎหมายคงไม่ได้ แต่ถ้ายังยืนยันที่จะทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คงต้องมาพิจารณาเจตนากันอีกครั้ง
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตักเตือนและปรามบุคคลที่ออกมารวบรวมรายชื่อ และวิพากษ์วิจารณ์ประธานองคมนตรี รวมถึงขอให้ตรวจสอบข้อความตามเว็บไซต์อย่างเข้มงวด เนื่องจากเข้าข่ายละเมิดประมวลกฎหมายอาญา ในประเด็นการละเมิดพระราชอำนาจ การก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลบาท ความแตกแยกของคนในชาติ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการแต่งตั้งหรือการให้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าว เป็นเรื่องของพระราชอำนาจ ดังนั้น แม้ผู้ที่เคลื่อนไหวจะอ้างว่าเป็นสิทธิเสรีภาพทางการเมืองที่สามารถทำได้ แต่ไม่สมควรนำสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันเห็นว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการรักษาความสงบของบ้านเมืองกลับนิ่งเฉย ไม่ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ถือว่าทำงานอ่อนแอ ล่าช้า ใช้ไม่ได้ จึงขอเรียกร้องไปยังบุคคล 2 กลุ่ม คือฝ่ายที่ออกมาเคลื่อนไหวล่ารายชื่อ ขอให้ยุติการกระทำดังกล่าว และฝ่ายที่รักษากฎหมายต้องเร่งทำอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อไม่ให้การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น
เอือม ๔
นายยศศักดิ์ โกไสยกานนท์ อายุ 38 ปี อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ตำแหน่งนักวิชาการประจำคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และอนุกรรมการพนักงานเจ้าหน้าที่ดำรงผู้ทรงคุณวุฒิในการตรวจสอบหุ้นชิน เดินทางเข้าแจ้งความที่ สน.ลาดพร้าว ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เปิดเว็บไซต์ tmctoday.com ในฐานทำให้ พล.อ.เปรม เสื่อมเสียชื่อเสียง ในการล่าชื่อถอดถอนออกจากตำแหน่งและสั่งปิดเว็บภายใน 3 วัน ให้ค้นหาว่าใครเป็นเจ้าของเว็บไซต์นี้และติดตามตัวมาดำเนินคดี ไม่เช่นนั้นจะร้องทุกข์ไปที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและดีเอสไอ ซึ่งต้องการที่จะลดกระแสกดดันในการเมืองของกลุ่มที่เคลื่อนไหวประท้วง ซึ่งหากมีหลอกลวงประชาชนสำเร็จจะเกิดผลกระทบกับ คมช
วันนี้ (3 เม.ย.) ที่รัฐสภา นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ นักวิชาการประจำคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต แถลงว่า ได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจ สน.ลาดพร้าว วานนี้ (2 เม.ย.) กรณีที่มีผู้เปิดเว็บไซด์ละเมิด พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ตามประมวลกฎหมายอาญา 2 มาตรา ได้แก่ มาตรา 112 และ 328 แต่ พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ระบุว่า ไม่ครอบคลุมมาตรา 112 ที่ว่าด้วยการดูหมิ่นกษัตริย์ พระราชวงศ์ หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตนในฐานะอาจารย์สอนกฎหมายอาญา และคนสงขลา ไม่สบายใจ เพราะคนระดับ ผบช.น.ไม่น่าตอบสั้นๆ ง่ายๆ แบบนี้ เนื่องจากตำแหน่งองคมนตรี แม้ไม่ใช่ผู้สำเร็จราชการ แต่ก็เป็นตำแหน่งระดับสูงที่ทรงแต่งตั้ง อย่างไรก็ตาม หากตำรวจเห็นว่าไม่เข้าข่ายความผิดมาตรานี้ก็ไม่ติดใจ “อย่างไรก็ดี สำหรับความผิดตามมาตรา 328 เรื่องการดูหมิ่นโดยการโฆษณา แม้เมื่อ 3 ทุ่มวานนี้ เว็บไซต์ดังกล่าวจะปิดตัวเอง แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ใส่ใจ ที่จะสั่งตรวจสอบเจ้าของเว็บไซต์ และผู้เผยแพร่เว็บไซต์ตลอดจนผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งหากภายในวันที่ 4 เมษายน ยังไม่มีการสั่งการใดๆ จะขอเข้าพบ นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้บรรจุเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ เรื่องนี้อยู่ในดุลพินิจของรัฐมนตรีที่จะพิจารณาในที่ประชุมได้ แต่ถ้าไม่ว่างก็จะขอพบ นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวง แทน ทั้งนี้ ที่ต้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำ เพราะได้ยินหนาหูว่า ตำรวจไม่กล้าดำเนินการตรวจสอบ เนื่องจากกลัวการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง” นายยศศักดิ์ กล่าว
เอือม ๕
นายณัฐฐวัฒน์ สุทธิโยธิน ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ประจำวันที่ 3 เม.ย. ว่า ครม.ได้พิจารณาข้อเสนอของสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(สลธ.คมช.) ที่ได้เสนอขอเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษ นอกเหนือจากโควต้าปกติ เกี่ยวกับเรื่องขั้นเงินเดือนให้กับเจ้าหน้าที่กำลังจำนวน 423 นายซึ่งปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยัน ซื่อสัตย์ อดทน จิตใจมุ่งมั่น ทุ่มเทสติปัญญาในการปฏิบัติราชการทั้งในธรรมดาและวันหยุด เพื่อความมั่นคงของประเทศมาโดยตลอด ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบแทนผลการปฏิบัติงานและเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยันและอดทน ทั้งนี้สำนักงานเลขาธิการคมช.เป็นส่วนรับผิดชอบของ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล เลขาธิการ คมช.เป็นผู้ดูแล
"ทาง คมช.จึงขอเสนอครม.ให้กรุณาพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือจากโควต้าปกติให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในคมช.ในอัตราร้อยละ 15 จากเดิมที่เคยได้รับแล้วร้อยละ 15 ก็รวมเป็นร้อยละ 30 อันนี้เป็นโควต้าพิเศษที่อนุมัติเพิ่มเติมให้ในวันนี้นะครับ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งสำหรับกำลังพลที่ปฏิบัติงาน"
เอือม ๖
ไอซีทีปิดเว็บไซต์ยูทูบ โดยขึ้นข้อความว่า "ขออภัย เว็บไซต์นี้เป็นเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) จำเป็นต้องปิดกั้นเว็บไซต์นี้
หากมีข้อคิดเห็นอื่นใด หรือพบเว็บไซต์อื่นที่ไม่เหมาะสม โปรดแจ้งผ่านดวงตาข้างบนหรือ
ict.cyberclean.org"
ที่มาของข่าว คัดจากประชาไท
9 ความคิดเห็น:
ทำใจครับ
คงเป็นแบบนี้ไปอีกชั่วลูกชั่วหลาน
http://www.prachatai.com/webboard/topic.php?id=86246
เอือมด้วย
ตม
ผมว่าคงแต่ชั่วลูก แต่คงไม่ถึงชั่วหลาน
ว่าแต่วิธีแก้ของไอซีทีนี่งี่เง่าจริงๆ
เหมือนมีคนเอาสีมาพ่นหน้าพ่อ
มันก็อยู่ของมันไปงั้น
น่าจะเร่งดำเนินการในทางลับ ไม่น่ายาก
แต่มาทำแบบนี้ บล๊อกเวบใหญ่โต
ตอนนี้เลยไม่มีใครที่เล่นเน็ท ไม่รู้ว่า มีคนเอาสีไปป้ายหน้าพ่อ ซะงั้นน่ะ
ผมก็เอือมพวก "หนักแผ่นดิน" อย่างคุณ
อาศัยแผ่นดินไทยเกิด แต่เนรคุณ
อยากให้คุณดูละคร "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" บ้าง
แล้วจะเข้าใจ
การยอมรับความแตกต่าง เป็นสิ่งจำเป็นในการอยู่ร่วมกันในสังคม
พอเห็นใครมีความคิดเห็นไม่เหมือนตัวเอง ก็มาว่าเค้า
หนักแผ่นดิน
ผมก็เอือมคนอย่างคุณเหมือนกันครับ
คุณ"ไม่ระบุชื่อ"
เพลา ๆ บ้างเถอะนะอาจารย์ ถ้าว่างก็อ่านหนังสือเยอะ ๆ หรือไปนั่งจิบไวน์ก็ได้
ถ้าหากเราไม่สามารถหลุดพ้นไปจากวิธีคิดแบบ “นาย-บ่าว” หรือ “เจ้า-ไพร่” ซึ่งรัฐหรือผู้ปกครองทำหน้าที่ด้วยความเมตตา กรุณาและถือเป็นบุญคุณ (โดยปฏิเสธวิธีคิดแบบโครงสร้างและหน้าที่แล้ว) เราก็คงจะไม่สามารถพัฒนาประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมในประเทศไทยได้เลย
อีกทั้งคงต้องยอมถูกตราหน้าว่า “เพิ่งออกจากป่า” จากพวกฝรั่งต่อไป
จิง จิง
เฮอออออ.
นี้แหละครับประเทศไทย
เหลือเชื่อจริงๆ ไม่คิดว่าในเมืองไทยจะมีคนทำอย่างนี้ในสมัยนี้ ทำแบบเลวๆฉบับศรีธนนชัย แบบนี้ หรือ แบบกำปั้นทุบดิน เหมือนกับถูกอำนาจบางสิ่งบางอย่างครอบงำจนสิ้นคิด เฮ้อสงสารประเทศไทยจิงๆๆ
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก