ว่าด้วยเรื่องรัฐประหาร (๑)
-๑-
แถลงการณ์ของคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ฉบับที่ ๒
ตามที่คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ดังมีรายนามตอนท้ายได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ ๑ เพื่อคัดค้านการทำรัฐประหารของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไปแล้วนั้น
คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ขอแสดงความเห็นต่อไปว่าหากต้องการให้การปฏิรูปประชาธิปไตยบรรลุเป้าหมาย มีความจำเป็นต้องอาศัยกระบวนการตามครรลองของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือ อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปัจจุบัน เรายังคงเห็นการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชนโดยวิธีการหลากหลายรูปแบบ ยิ่งกว่านั้น ยังมีการห้ามมิให้มีการชุมนุมกันเกินกว่าห้าคนเพื่อแสดงความเห็นในทางการเมือง ทั้งที่การแสดงออกถึงความเห็นของประชาชนโดยสุจริตและรับผิดชอบ มิว่าจะที่ไหน เมื่อไหร่ หรือจำนวนเท่าใด ถือเป็นพื้นฐานสำคัญยิ่งต่อการก่อตั้งและพัฒนาปรับปรุงหลักการประชาธิปไตยอื่นๆ
โดยอาศัยฐานะความเป็นพลเมืองไทย คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ดังมีรายนามตอนท้าย ขอเรียกร้องให้คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขยุติการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชน และขอเรียกร้องให้มีการยกเลิกคำสั่งห้ามมิให้มีการชุมนุมเกินกว่าห้าคนเพื่อแสดงความเห็นในทางการเมืองโดยเร็วที่สุด
รองศาสตราจารย์ ดร. วรเจตน์ ภาคีรัตน์
รองศาสตราจารย์ ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช
อาจารย์ ปิยบุตร แสงกนกกุล
อาจารย์ ธีระ สุธีวรางกูร
คณาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
.............
-๒-
ความเห็นเรื่องรัฐประหารของผม
http://www.onopen.com/2006/editor-spaces/1001
แถลงการณ์ของคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ฉบับที่ ๒
ตามที่คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ดังมีรายนามตอนท้ายได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ ๑ เพื่อคัดค้านการทำรัฐประหารของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไปแล้วนั้น
คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ขอแสดงความเห็นต่อไปว่าหากต้องการให้การปฏิรูปประชาธิปไตยบรรลุเป้าหมาย มีความจำเป็นต้องอาศัยกระบวนการตามครรลองของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือ อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปัจจุบัน เรายังคงเห็นการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชนโดยวิธีการหลากหลายรูปแบบ ยิ่งกว่านั้น ยังมีการห้ามมิให้มีการชุมนุมกันเกินกว่าห้าคนเพื่อแสดงความเห็นในทางการเมือง ทั้งที่การแสดงออกถึงความเห็นของประชาชนโดยสุจริตและรับผิดชอบ มิว่าจะที่ไหน เมื่อไหร่ หรือจำนวนเท่าใด ถือเป็นพื้นฐานสำคัญยิ่งต่อการก่อตั้งและพัฒนาปรับปรุงหลักการประชาธิปไตยอื่นๆ
โดยอาศัยฐานะความเป็นพลเมืองไทย คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ดังมีรายนามตอนท้าย ขอเรียกร้องให้คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขยุติการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชน และขอเรียกร้องให้มีการยกเลิกคำสั่งห้ามมิให้มีการชุมนุมเกินกว่าห้าคนเพื่อแสดงความเห็นในทางการเมืองโดยเร็วที่สุด
รองศาสตราจารย์ ดร. วรเจตน์ ภาคีรัตน์
รองศาสตราจารย์ ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช
อาจารย์ ปิยบุตร แสงกนกกุล
อาจารย์ ธีระ สุธีวรางกูร
คณาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
.............
-๒-
ความเห็นเรื่องรัฐประหารของผม
http://www.onopen.com/2006/editor-spaces/1001
เขียนโดย Etat de droit เมื่อ
10/01/2549 01:56:00 ก่อนเที่ยง
14 ความคิดเห็น:
เห็นประกาศของคณะ รปห ในช่วงหลังๆ
สงสัยทักษิณคงไม่รอด
ทรท คงถูกยุบแหงๆ
น่าจะเอาพอหอมปากหอมคอก็พอแล้ว
ต้องไม่ลืมว่า ทักษิณชอบต้อนศัตรูให้จนตรอก แล้วเป็นไง ๕ ปี ศัตรูเต็มบ้านเต็มเมือง นี่คณะ รปห จะเอาสูตรเดียวกันมาใช่บ้างหรือ
แม้จะเห็นแตกต่างไปจากผู้เขียน แต่เมื่อได้อ่านบทความแล้วเข้าใจจุดยืนของผู้เขียนมากขึ้น
และขอแสดงความเคารพผู้เขียนโดยเฉพาะที่ให้ความเห็นว่า "เราต้องซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ต่อหลักการ ต่ออุดมคติ ความสม่ำเสมอทางวิชาการต้องมี ไม่ใช่ใช้กฎหมายแบบดูหน้าคน"
แต่ไม่ชอบตัวอย่างของผู้เขียนที่ว่า "“แทนที่จะหาทางกำจัดไวรัส กลับกดปุ่มปิดเครื่อง แล้วเปิดใหม่อยู่ได้" เลยจริงๆ เพราะ เรื่องนี้ดูยังไงก็ไม่เข้ากับตัวอย่าง
ในส่วนของประกาศ รปห(ตามที่ผู้เขียนอยากให้เรียก)ที่ออกมาไล่ต้อนศัตรู นั้น เห็นว่า ตอนนี้ รปห(ตามที่ผู้เขียนอยากให้เรียก)อยู่ในสถาวะเดียวกับทักษิณ คือ ขึ้นหลังเสือแล้วลงลำบาก จะลงยังไงไม่ให้เสือมันกัด ก็ต้องทำให้เสือมันหมดสภาพ
พอดีเจองานของ Charles de Saint-Evremond เลยเอามาฝากกัน
"La raison d'Etat est une raison mysterieuse inventee par la politique pour autoriser ce qui se fait sans raison"
เหนื่อยนักก็จิบไวน์แล้วกัน
เพิ่มเติมนิดหนึ่ง เกี่ยวกับ "แถลงการณ์ของคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฉบับที่ ๒" กรณี "...ให้มีการยกเลิกคำสั่งห้ามมิให้มีการชุมนุมเกินกว่าห้าคน..."
หากมีการยกเลิกจริง ๆ คิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นครับ...ประชาธิปไตย หรือว่าการชุมนุมและการปราบปราม
ผมว่าคณะรปห(ตามที่ผู้เขียนอยากให้เรียก)ไม่ควรยกเลิกคำสั่งดังกล่าวด้วย(ในช่วงนี้)
ผมลองคิดแบบนิยาย ๆ นะครับ ว่าเกิดยกเลิกแล้วเกิดมีทุนก้อนใหญ่บริจาคมาจากต่างประเทศให้จัดการชุมนุมคัดค้านการทำรัฐประหาร แล้วก็เกิดมีปืนลึกลับลั่นไปถูกผู้ชุมนุมบาดเจ็บหรือตาย ต่างประเทศประณาม อาจารย์มหาวิทยาลัยประท้วงเพิ่มขึ้น มีแถลงการณ์ของคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ ฉบับใหม่ ๆ คนก่อตัวมากขึ้น...ในขณะที่คณะ รปห (ตามที่ผู้เขียนอยากให้เรียก)ก็ยังไม่สามารถลงจากอำนาจได้(กลัวโดนเช็คบิลย้อนหลัง) แน่นอน พฤษภาได้ทมิฬ อีกรอบแน่ ๆ
ผมยังคิดว่าได้ไม่คุ้มเสียสำหรับ คณะรปห(ตามที่ผู้เขียนอยากให้เรียก)แน่ ๆ แต่ต่อไปถ้าสถานการณ์เปลี่ยน ทางออกก็อาจเปลี่ยนได้
ก่อนตอบ ต้องขอขอบคุณคุณบุญชิต ที่เห็นว่าแนวความคิดของผม "นั้นจริงอยู่ น่าคิด"
แต่ขอตอบเฉพาะในประเด็นความเห็นที่เขียนนะครับ ไม่ใช่กรณี "วิธีคิด"
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
quote: คุณบุญชิต
"ผมงสงสัย เพราะถ้าเราจะ "สงสัย" ในการใช้เสรีภาพ เราจะต้อง "สงสัย" ในทุกกรณีหรือไม่ ?"
ตอบ :
"สงสัย" เป็นเรื่องดี และควรสงสัยก่อนเชื่อ
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
ปล
ส่วนกรณี"การใช้เสรีภาพ"(แสดงความเห็น) ในเรื่องนี้นั้น ผมขอยกอุทาหรณ์ที่ผมค่อนข้างจะเห็นด้วย ก็คือ บทความของคุณบุญชิตในเรื่อง วีรบุรุษ กับ คนฉลาด(หรือเปล่าผมจำชื่อแน่นอนไม่ได้ ที่เกี่ยวกับกรณีที่คุณจะไปเตือนแม่ลูกที่ซื้อเครื่องเล่นเกมยี่ห้อหนึ่งที่สะพานเหล็ก)ซึ่งผมมองว่า บทความนั้นน่าจะเป็นอุทาหรณ์ที่ดีสำหรับการดำรงตนในช่วงนี้
ในส่วนของการชุมนุม ผมเขียนไว้ในความเห็นผมข้างต้นแล้วว่า ตอนนี้คงยังไม่เหมาะสม แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป ทางเลือกและทางออก "คง" เปลี่ยนแปลงไปด้วย
ตกใจ ผิดหวัง หดหู่ สลดใจ โมโห... คือความรู้สึกของผมกับรัฐประหารครั้งนี้
ผิดหวังเหลือเกินกับปัญญาชนมากมายที่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหารครั้งนี้ ผิดหวังและหดหู่ใจจริงๆ
สุดท้ายแล้ว อำนาจในการกำหนดชะตากรรมของประเทศ ซึ่งจริงๆแล้วควรจะอยู่ในมือประชาชนอย่างผม กลับถูกคนกลุ่มหนึ่งแย่งเอาไป... พวกคุณมีสิทธิอะไรที่จะทำตามอำเภอใจแบบนั้น? มีสิทธิอะไรที่จะไม่สนใจใยดีเสียงของประชาชนอีกเป็นสิบล้าน? มีสิทธิอะไรที่จะกำหนดว่าใครควรหรือไม่ควรเป็นผู้บริหารประเทศ?
สุดท้ายก็บ้าอำนาจพอๆกัน ทั้งทักษิณ ทั้งทหาร ทั้งผู้มีบารมี หรือ "คนดี" ของแผ่นดิน (ที่เมื่อก่อนตอนสมัยตัวเองเป็นนายกฯ ก็ชอบออกมาพูดว่า อำนาจต้องมาจากการเลือกตั้งตามระบอบปชต. เผด็จการเป็นสิ่งเลวร้าย แต่ตอนนี้กลับทำซะเอง จะอ้างเหตุผลดีแสนดีอะไรก็ฟังไม่ขึ้นหรอกนะ...)
ขอด่าหน่อยเถอะ
ผมอ่านโอเพนท์ ออนไลน์ แล้วอยากถามว่า ไอ้คำว่า เนติ (อยาก) บริกรวิ่งเข้าหาขั้วอำนาจ หมายถึงใคร กลุ่มไหน กรุณาระบุให้ชัด
ผมรู้สึกว่า นอกจากปัญญาชนในบล็อกนี่บางส่วน จะไร้เดียงสา กับ ประชาธิปไตยแล้ว ยังชอบ ยัดข้อกล่าวหาสกปรกใส่คนอื่นแบบตีขลุม
ฝากไปถาม ในโอเพ่น ด้วยนะ ว่า หมาหรือคนเขียน
จะรัฐประหารแบบไหน ก็คือรัฐประหารอยู่ดี
ผลลัพธ์มันก็เหมือนเดิมน่ะแหละ
เป็นหยั่งงี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว
เชื่อผมเต๊อะ
จากคนที่ไม่มีข้อมูลที่คุณๆบางคน อ้างเสมอว่ารูเป็นการเฉพาะ
และจากคนไร้เดียงสา ประชาธิปไตย
ผมได้ยินการยัดข้อหา เนติบริกร ใส่ทีมกฎหมายที่ผมทำงานอยู่มาสองครั้งแล้ว
ผมไม่ได้ติดดี ติดชั่ว แต่ผมรักความจริง และอดรนทนไม่ได้เมื่อมีการมั่ว โดยเฉพาะการมั่วในเวบของปัญญาชน
ก่อนรัฐประหาร ทีมกฎหมาย ที่นำโดยอ.บรรเจิด ได้รับการติดต่อจาก คปค. แต่พวกเราตกลงร่วมกันว่าจะไม่เข้าไปยุ่งโดยเด็ดขาด
ต่อมาเมื่อ มีชัย ทำเละ เราเลยต้องเข้าไปแสดงความเห็น เพราะสิ่งที่พวกเราทำงานกันมาตลอดหลายปีมีเป้าหมายสำคัญ คือ การปฏิรูปการเมือง
ในส่วน ประชาธิปไตยไร้เดียงสา ผมขอบอกตามตรงว่า คุณก็แสดงความเห็นของคุณไป เพราะผมถือว่า พวกคุณเป็นพลังบริสุทธิ์ แต่ขอร้อง ว่า อย่ามั่ว เที่ยวยัดข้อหาให้คนอื่นว่าเป็นเนติบริกร
สำหรับ อ.บรรเจิด ท่านก็รู้ล่วงหน้าว่าจะได้รับแต่งตั้ง ท่านยังปรึกษาพวกเราว่า ไม่อยากเข้าไป ท้ายที่สุดพวกเราก็ถือว่า คปค.ให้เกียรติที่เข้าไปชำระล้างบ้านเมืองท่านเลยเข้าไปทำงาน
ผมขอร้องเลย พวกคุณจะแสดงความเห็นความคิดอย่างไร ผมไม่ว่าหรอด อย่างมากก็สวนกันไป สวนกันมา ผมกับนิติรัฐก็ไปดวดเหล้ากันสองสามครั้งตอนกลับมาเมืองไทย
แต่ขอร้อง คุณภิญโญ กับ คุณปกป้อง ว่า ช่วยตรวจดูทีมงานของท่านหน่อย ว่าอย่าพูดพล่อยๆ มั่วๆ ไม่เป็นความจริง
สมัย บวรศักดิ์ เข้าไปทำงาน ผมยังเคยพูดว่า ถ้าแกเข้าไปทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง แกก็เป็นนักกฎหมายที่ดี ก็ต้องให้โอกาสทำงาน แต่พอทำไม่ดี ก็จะกลายเป็นเนติบริกร ซึ่งก็ต้องอัดกัน
ดังนั้น ทั้งคุณนิติรัฐ และลิ่วล้อ ในโอเพนท์ ควร เคลียร์คอนเซปของคำว่า เนติบิรกร ให้ดีนะว่ามีความหมายว่าอย่างไร ซึ่งสำหรับผมเนติบริกร แปลตรงๆว่า นักกฎหมายชั่วทำลายชาติครับ
และเรานักกฎหมาย มีสโลแกนตรงกันว่า ชีวิต คือการ
บริการ
และการบริการต้องเป็น บริการที่ดีต่อชาติบ้านเมือง
อาจารย์ บริการความรู้
ทนายความ บริการการฟ้องคดี
ผู้พิพากษา บริการการตัดสินคดี
อัยการ บริการการฟ้องคดี
นักกฎหมายทั้งหมด จึงเป็นนักบริการที่มีจุดร่วมกัน คือ การบริการความยุติธรรม
และผมขอชี้แนะ นักกฎหมายกันหน่อยว่า
เรียนกฎหมาย ก็เพื่อ เข้าถึง ความยุติธรรม ทั้งทางปัจเจก และสังคม
มิใช่เรียนกฎหมาย เพื่อ กอดกฎหมาย โดยไม่สนใจความยุติธรรม ทั้งทางปัจเจก และสังคมใดๆเลย
ท้ายที่สุด ขอร้อง อย่ามั่ว เขียนอะไรแบบตีขลุม
ถ้าเป็นเช่นนั้น ถือว่า เชย กว่า รัฐประหารซะอีก
ก่อนอื่นต้องขอโทษ และขออนุญาตคุณ etat de droit ก่อนที่จะขอใช้พื้นที่สนทนาปรับฐาน(ความรู้จัก)ของผมกับคุณบุญชิตสักนิด เพราะข้อความต่อไปนี้มีใจความเกี่ยวกับกระทู้เรื่องนี้น้อยสักหน่อย
ยินดีที่ได้แสดงความเห็นกับคุณบุณชิตฯ ผมเรียนตรงๆ ว่า หลายครั้งความเห็นของเราไปในทางเดียวกัน เมื่อตอนอ่านคุณตอบของคนอื่นก็รู้สึกชัดเจน แข็งกร้าว แต่พอถึงช่วงที่เกี่ยวกับตัวเองก็อดสะอึกไม่ได้เพราะคุณเขียนตามสไตล์การตอบคอลัมนิสต์ปากกล้า ไอ้ครั้นจะให้คุณหวานแหววแบบให้เกียรติกันก็คงจะไม่ใช่สไตล์คุณ เอาเป็นว่า... ผมก็คุยกับคุณต่อได้แล้วกัน(ผมจะทำตาเบลอ ๆ เวลาถึงคำที่ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจแล้วกันนะ)
ผมอาจทำให้คุณบุญชิตต้องผิดหวัง(หรือว่าสมหวังก็ไม่รู้)เพราะ จนถึงวินาทีนี้ผมคิดว่าผมยังคงเป็น "พวกใช้กฎหมายแบบดูหน้าคนแล้วเสือกเรียกว่า "ความยุติธรรม"
โดยส่วนตัวผมจึงได้แสดงความเคารพต่อคุณ etat de droit ไว้ในความเห็นข้างต้นว่าสามารถใช้กฎหมายได้ซื่อตรงต่ออุดมคติ และสม่ำเสมอทางวิชาการ หากคุณทำได้อีกคนก็ไม่แปลกที่ผมจะแสดงความเคารพต่อคุณบุญชิตอีกสักครั้ง
ส่วนเหตุผลที่ผมเห็นต่างไปในเรื่องนี้คงเป็นเรื่องยาวที่เล่าและเปลืองเนื้อที่(เพื่อแก้ตัว)เอเป็นว่าเป็นเพราะแตกต่างกันทั้งวิธีการที่ได้รับเลี้ยงดู วิธีการรับอบรมรักษา และ"วิธีคิด" ซึ่งเราคงมีโอกาสปรับฐานกันอีกหลายครั้งในโอกาสอันใกล้แน่ๆ
จบ
ไม้บรรทัดที่สเกลไม่เที่ยง เอาไปวัดอะไรก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน
Ok พวกคุณมองหลักนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ มันผิดหลักการประชาธิปไตยที่คุณเรียน/อ่าน/สอนมา
ทีนี้ ผมจบเศรษฐศาสตร์ เกรดห่วย ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนเสียภาษีเต็ม และประกันสังคม ผมขอพูดบ้าง ผมยอมไม่ได้ที่จะให้ทักษิณอยู่ต่อไปอีกแม้แต่วันเดียว เพราะเงินภาษีที่ผมจ่ายไป ไหลยังไงยังไงก็เข้าพวกมัน ทั้ง
- เรื่องลดค่าสัมปทานมือถือผ่านระบบภาษีสรรพสามิต
- เรื่องboiเว้นภาษีชินแซตโดยผิดทุกหลักการส่งเสริมการลงทุนและตัดโอกาสบริษัทอื่นๆ
- เรื่องให้เอ๊กซิมแบ๊งให้พม่ากู้ซื้อดาวเทียมชินแซต
- เรื่องฝากคนใช้เก็บหุ้นเวลาโยนปั่นขึ้นกันจะได้ไม่โดน กลต จับง่ายๆ
- ให้ ผอ. สำนักประกันสังคมเอาเงินที่หักพวกผมไปซื้อหุ้นชินกือบหมดผอร์ต
- ทั้งหลายทั้งปวงทำให้หุ้นขึ้นมาห้าเท่า
- เรื่องหลอกคนว่ากุหลาบแก้วเป้นของไทย (ทั้งที่ไทยถือหุ้น51%แต่ยอมรับปันผลเท่ากับถือหุ้น 3% แปลว่าไร แปลว่าบอสัดนี้เงินสิงคโปร์ไง) เพื่อขายหุ้นที่ขึ้นมาห้าเท่าทิ้งได้เยอะๆหมดแม๊ก
- ให้เจ้าหน้าที่สรรพากรมาทำงานให้ เคลียร์ให้ แก้ตัวให้
- เรื่อง CTX
- เรื่อง คลองด่าน
- เรื่องลำไย
- เรื่องกล้ายาง
และ และผมบังเอิญธรรมมะธรรมโม เคร่ง เลยให้ทักษิณอยู่ต่อไม่ได้แม้อีกวันเดียวเพราะ
- มันฆ่ามั่วกดขี่ในใต้ ย้าย ศอบต ออกมา เอาตำรวจพรรคพวกลงไป
- มันใช้ตำรวจและโจรยาบ้าที่จริงๆต้องอยู่ในคุกออกมาตื้บคนแก่และผู้หญิงหน้าเซ็นทรัลเวิล
- มันจัดคนไปล้อมเนชั่นไม่ให้คนเป็นมะเร็งไปหาหมอ ไม่ให้ใครเข้าออก ข่มขู่ เมา
- มันบอกว่าจังหวัดไหนเลือกมัน จะช่วยก่อน ไม่ได้ดูหลักมนุษยธรรมหรือความเร่งด่วนอื่นๆ
- ครั้งนี้มัน "เป่านกหวีดปี๊ด" เตรียมคนมาให้ตีให้นองเลือดกันแล้ว และมันก็เตรียมรัฐประหารตัวเองไว้แล้ว อย่างที่ประกาศภาวะฉุกเฉินร้ายแรงที่สุดให้อำนาจเต็มกับมันผ่านเรืองโรจน์ที่ประกาศในคืนนั้น ฉะนั้นมองโง่ๆอย่างธรรมมะคือ คปค มาหยุดไว้ไม่ให้มีการเสียชีวิตอวัยวะเลือดเนื้อประชาชน
- ฯลฯ
หลังจากนั่งฟันธงว่ารัฐประหารผิด ประเทศต้องมีนายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งเดือน ทั้งปี แล้ว
รบกวนช่วยมาฟังคนโง่ๆที่จบเสดสาดและเชื่อธรรมะอย่างผมพูดด้วย
ว่าผมเห็นด้วยกับการรัฐประหารครั้งนี้ แล้วคืนอำนาจให้ประชาชนต่อมา และยึดทรัพย์พวกโกงตามกระบวน กม. และห้ามพวกโกงเล่นการเมือง และ ฯลฯ ครั้งนี้
พวกคุณบอก ก็ให้กลไกตรวจสอบทำงานไปสิ
และมันซื้อศาลไป ซื้อ สวไป ซื้อหน่วยงานตรวจสอบไปหมด
พอมี "ผู้มีบารมี" มาขอให้ศาลตัดสินตามหลัก พวกคุณด่ากันขรม บอกว่า อำนาจนอกระบบแทรกแซง ผิดหลักๆๆ
พอมีม๊อบจะมาชนกัน พวกคุณบอกว่า ก็ให้ตำรวจดูแลสิ
ตำรวจแบบที่สั่งตื้บคนหน้าเซ็นทรัลเวิลน่ะเหรอ
ตำรวจเป็นของมันหมดแล้ว
คุณบอก งั้นทหารมาดูแลสิ เหมือนครั้งก่อนๆ
คุณไม่เห็นเหรอ มันจะปลดพล อ สนธิ คืนนั้นอยุ่เตรียมไว้แล้ว
ที่เหลือก็พวกมันทั้งนั้น
จำไว้เลยพวกคุณทุกคน อย่าคิดว่านิติศาสตร์และรัฐศาสตร์คือทุกอย่างของโลกนี้ ฟังคนอื่นบ้าง
โลกนี้ไม่ได้มีแค่นิติศาสตร์ ไม่ได้มีแค่รัฐศาสตร์ โว้ยยยยยยยยย
เห็นด้วยกับคุณ david ginola แต่ไม่รู้สึกผิดหวัง ความจริงการที่ไม่รู้สึกผิดหวังอาจเพราะไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย ซึ่งเป็นสิ่งไม่ดี แต่ถามว่าหดหู่หรือสลดใจมั้ย มาก เพราะเป็นคนไทยและไม่คิดว่าจะไปอยู่ที่ต่างแดน หมายความว่า จะอยู่ในเมืองไทยและสังคมไทยต่อไปเนี่ยแหละ และเมื่อต้องอยู่กับสิ่งๆ นี้ คนไทย และวิถีแบบนี้ของคนไทย(ที่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย คาดการณ์ได้ทั้งนั้นพฤติกรรมมนุษย์) ส่วนโมโหนั้นอาจจะมีบ้าง แต่ไม่ใช่โมโหคณะรัฐประหารนะ โมโหคนไทย และวิถีที่จำเป็นต้องอดทนอยู่ด้วยต่อไป
ขอแสดงความชื่นชมคณาจารย์ที่มีความอดทนและเมตตากรุณาอบรมบ่มนิสัยและคอยให้วิชาความรู้แก่สังคมและคนไทย
ถึงคุณ anonymous
"จำไว้เลยพวกคุณทุกคน อย่าคิดว่านิติศาสตร์และรัฐศาสตร์คือทุกอย่างของโลกนี้ ฟังคนอื่นบ้าง"
แล้วไม่คิดจะฟังเสียงของคนอีกสิบกว่าล้านที่เลือกทักษิณและไทยรักไทยหรือครับ? ถ้าคุณเสียหาย คุณก็โวยออกมา ทำให้คนอื่นเชื่อว่าทักษิณมันเลวซิครับ ไม่ใช่ทำตามใจตัวเอง แล้วก็บังคับให้คนอื่นยอมรับกับความคิดของคุณ นี่ไม่ได้พูดถึงนิติศาสตร์หรือรัฐศาสตร์นะครับ พูดถึงคอมมอนเซ้นส์ ยกเว้นแต่คุณจะคิดว่าคุณยิ่งใหญ่กว่าคนอื่น ความคิดคุณฉลาดและถูกต้องกว่าคนอื่น...
"โลกนี้ไม่ได้มีแค่นิติศาสตร์ ไม่ได้มีแค่รัฐศาสตร์ โว้ยยยยยยยยย"
และประเทศไทยก็ไม่ได้มีแต่คุณเช่นกัน ไม่ใช่ให้ใครหรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งทำตามใจตัวเองได้ ทักษิณปล่อยไว้ต่อไปเค้าจะยิ่งอ่อนแอลง เรารีบร้อนกันไปเอง เราไม่อดทนพอเอง... น่าเสียดายๆ
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก