กำจัดไวรัสด้วยการปิดเครื่อง?
คอมพิวเตอร์มีไวรัส
แทนที่จะหาทางกำจัดไวรัสทิ้ง
ก็เอาแต่กดปุ่มปิดเครื่อง แล้วเปิดใหม่อยู่ได้
แล้วไวรัสมันออกไปที่ไหนล่ะ
คนบางคนก็เชย ใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น แต่ชอบขอแจมมาปิดเครื่อง เปิดใหม่ ชอบมาขอกดปุ่มรีสตาร์ทอยู่ได้
แทนที่จะหาทางกำจัดไวรัสทิ้ง
ก็เอาแต่กดปุ่มปิดเครื่อง แล้วเปิดใหม่อยู่ได้
แล้วไวรัสมันออกไปที่ไหนล่ะ
คนบางคนก็เชย ใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น แต่ชอบขอแจมมาปิดเครื่อง เปิดใหม่ ชอบมาขอกดปุ่มรีสตาร์ทอยู่ได้
23 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากนะ
........พันธมิตรเทวาเพื่อราชาธิปไตย.......
ไม่ทราบว่าใครพูด แต่ถูกต้องแล้ว
ชักไม่ค่อยแน่ใจว่าหลักการที่คุณๆ ยึดอยู่นี่
มันดีหรือไม่ดี
อา... น่าสนใจครับ
แต่การกำจัดไวรัสหลายๆ ครั้งจำเป็นที่จะต้องบูตใหม่เพื่อเข้า save mode หมายถึงทำการตัดมือ ตัดเท้า งดการโหลดไดรเวอร์ต่างๆ ที่ไม่จำเป็น ปิด port ของเครือข่ายทั้งหมด รวมทั้งหยุดการโหลด registry ทั้งหลายทั้งปวงที่ไวรัสได้ทำการแทรกซึมเข้าไปแล้ว เพื่อทำการกำจัดให้ถึงรากถึงโคนนะครับ
ด้วยความเคารพ (ในความคิดเห็น)
เปลี่ยน OS เป็นตัวที่เรารู้จักมันดีๆ หน่อย
คอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสแล้ว จำเป็นที่จะต้องบูตใหม่เพื่อเข้า save mode เป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้นที่เหมาะสมดีแล้ว ก่อนที่จะเสียหายมากกว่านี้ แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดควร formatค่ะ เพื่อเป็นการแน่ใจว่าไวรัสชนิดนี้มันจะไม่กลับมาทำเครื่องเราพังอีก
โดยส่วนตัวชื่นชอบการใช้ windows แต่ในบางสถานการณ์
แนะนำว่า...ระบบปฏิบัติการ Windows ที่ทั่วโลกอาจสรรเสริญว่าดีแล้ว แต่มาอยู่ในมือของคนใช้ไม่เป็น ก็เปลี่ยนไปเป็น Macintosh เถอะ เสถียรดี ติดไวรัสยากกว่าด้วย เมื่อพร้อมและ " ใช้เป็น" มากกว่าเดิม ค่อยกลับไปลงวินโดว์ใหม่
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่อย่างที่ผมต้องการ
แต่ผมว่าต้องจัดการกับความต้องการตัวเองแล้วกระมัง
เพราะมันรั้งแต่จะสร้างความเสียใจ
เพราะยิ่งผมคาดหวังผมยิ่งคลายความเชื่อเกี่ยวกับประชาชน
แม้ผมอยากเห็น another world that could be possible (maybe not in my lifetime?)
แต่การแก้ปัญหาของเราค่อนข้างเป็น easy way out
ภาวนา ภาวนา ภาวนา
ผมอาจจะเป็นพวกโรแมนติกเกินไป
ไวรัสมันจะกิน Hardware ทั้งหมด อาจต้องปิด
ปิดเครื่อง เปิดใหม่ด้วย CD start up
หรือจะเข้า Save Mode
เอาไวรัสมาฆ่าทีละตัว ละตัว
เอาโปรแกรมใหม่ๆ ไทยทำมาลงก็ดี
ช้าหน่อย แต่น่าจะดีกว่าของนอก ของแพง ฟุ้งเฟ้อ
หรือละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาชาวบ้านเขา
แต่นานไปก็ต้องดูดีๆ
Antivirus อาจะเป็น Virus ซะเอง
ต้องเฝ้าดูกัน
มันคงเป็นมาตรา 7 ไปแล้ว
อันนี้ไม่รู้
เพราะแก้ปัญหาด้วยการปิดเครื่องเปิดเครื่องเหมือนกัน
(โง่คอมอ่ะ)
แต่ถ้าปิดๆ เปิด ๆแล้วยังใช้ไม่ได้
ก็จะคิดถึงเพือนรัก (ที่รักขึ้นมากะทันหัน)
แล้วก็โทรหา
ขอความช่วยเหลือซะดื้อ ๆ ล่ะ
ป๊อก...
กลับมาฝรั่งเศสแล้วโทรหาพี่หน่อยนะ
มีเรื่องต้องทำหลายเรื่อง
ได้คุยกับใสและอาร์มแล้ว
พี่ธี...
คุนเรื่องกินเหล้าดีกว่า
หากให้เทียบระหว่าง บริคบาร์ กับ มอลลี่ ผมชอบ บริค มากกว่า มอลลี่
เพราะ มอลลี่ พื้นที่แคบเหลือเกิน บางทีคนเข้ามอลลี่เยอะ รู้สึกอึกอัด
ถ้าไฟไหม้ มอลลี่ คงหนีตายกันไม่ทันแน่ๆ
แต่ไม่เป็นไร ชาวมอลลี่ คงไม่รู้สึกอะไร นอกจากเสียงเพลง จนกว่าไฟจะไหม้มาถึง
เข้าเรื่องดีกว่า
หากท่านเชื่อในความบริสุทธิ์ใจของท่าน
โปรดพิสูจน์ โดยยืนท้าทายต่อ คปค.ให้กระผมดูหน่อย
สู้ สู้ สู้ เพื่อยืนยัน ในอุดมการณ์ของท่าน
ขอให้บินตรงจากกรุงฝรั่งเศสกลับมาจัดตั้งมวลชน เพื่อพลิกฟ้า นำประชาธิปไตยมาสู่กรุงเทพและชาติไทย
ผมอยากดู
ป.ล หนูไม่รู้เรื่องกฎหมายมากมายหรอกนะคะ
คุณพี่ข้างบน หนูแค่รู้สึกว่าจะดีกว่าไหม
ถ้าคุณพี่เรียนรู้การเคารพ และรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น (ที่เขาไม่ได้คิดแบบเดียวกับที่คุณพี่คิด)
ทำไปพร้อมๆ กับ การพยายามลดความอวดดี ความอวดเก่ง ความรู้สึกอยากท้าทายคนโน้นคนนี้ว่าข้าเจ๋งกว่า ข้าแน่กว่า
และถ้าคุณพี่คิดจะลองแสดงความคิดเห็นพร้อมเหตุผลสนับสนุน ของคุณพี่เอง โดยไม่ไปท้าทาย วางก้ามใส่ชาวบ้านคนอื่นๆ เค้า คนในสังคมรอบๆ ข้างคุณพี่ คงเอ็นดู อยากสนทนาปราศรัยกับพี่มากมาย
ใส่อารมณ์ซอฟท์ๆ แบบถ่อมตัวนิดๆ
โลกของนักวิชาการ ผู้ทรงความรู้
และผู้ที่คิดว่าทรงความรู้
คงจะถกเถียงกันอย่างเพลิดเพลินเจริญใจ
โลกคงจะสงบสุขกว่านี้เยอะ
ถ้ามี......แบบนี้ น้อยกว่านี้
โง่คอมค่ะอาจารย์..
หนูก็ใช้วิธีนี้อยู่ร่ำไป
บางครั้งฝรั่งเค้าอำกันเป็นโจ๊กว่า
"สาวกไมโครซอฟท์"
(ไม่รู้นะเคยไวรัสรับประทานมากๆ เรารีสตาร์ทเครื่อง เพื่อนฝรั่งคนนึงแซวว่าอย่างนี้)
อย่างไรก็ดี อาจารย์เองก็ตาม หรือใครก็ตามที่ฉลาดคอมกว่าหนูตั้งเยอะแยะ ถ้ายอมรับว่าคอมมีไวรัส แล้วทำไมไม่หาทางกำจัดไวรัสซะละคะ
ตอนนี้พี่ๆ ทหารเค้ากำลังรีสตาร์ท แล้วก็บู๊ทเครื่อง แล้วก็ลงโปรแกรมจับไวรัส ฯลฯ (เรียกไม่ถูกเหมือนกันเรื่องทางเทคนิค)
หนูไม่ทราบจริง ๆ ว่าพี่ทหารเค้าจริงใจแค่ไหน ก็แค่นั่งดูเค้าบู๊ทเครื่อง ซ่อมเครื่อง ลงโปรแกรม เห็นเค้าเรียบร้อยน่ารักดี ก็เลยคอยส่งขนม+ดอกไม้ กลัวพี่เค้าจะหิวจะเหนื่อย อุตส่าห์มาซ่อมให้ แต่ถ้าเค้าทำไม่ดีหนูคงดุเค้า ด่าเค้า แล้วไล่ตะเพิดออกไปจากบ้านแน่ ๆ
ทำไมอาจารย์ไม่ลองหาโปรแกรมดี ๆ มาฝากกันบ้างละคะ เครื่องเราจะได้ปราศจากไวรัสจริง ๆ ซักที หรืออาจารย์ไม่ว่างคะ ?
สุดท้ายด้วยความเคารพ ไม่มีใครชอบรีสตาร์ทหรอกค่ะ แต่ก็ยังดีกว่าเดินเครื่องไปเรื่อย ๆ แล้วรับไวรัสเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่ใช่เหรอคะ
หนูสงสัยอาจารย์เพียงอย่างเดียว ว่า แล้วถ้ามันเป็นอย่างนั้น จะ "ดันทุรัง" ใช้เครื่องทั้งไวรัส ไปทำไมไม่ทราบคะ ?
ด้วยความเคารพ
ลูกปัด
คอมพี่ (เก่าและแก่) แล้ว เหมือนเจ้าของ
ไม่อาจรีสตาร์ทเครื่องได้บ่อยๆ
ขอบคุณอาบุญชิตค่ะ
สำหรับเครื่องรุ่นเรา ส่วนตัวลูกปัดเห็นว่ารีสตาร์ทน่าจะเป็นวิธีเดียวที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็ได้ เพราะมุมมอง และประสบการณ์ของลูกปัด เห็นเท่านี้เอง หนูอาจจะโง่เขลาไปซักหน่อยก็ได้นะคะ..
การเข้ามาในเวปบอร์ดนี้ มักจะได้ความเห็นต่างที่น่าขบคิดเสมอ ต่อไปจะคิดหลาย ๆ มุมค่ะ
อย่างไรขอโทษด้วยนะคะถ้าลูกปัดใช้คำไม่ค่อยสุภาพ
คงได้พบกันอีก
พี่ๆ กับอาๆ(ขอเรียกอาบุญชิตนะคะ)น่ารักทุกคนเลย
ลูกปัด
อ้าว ก็เค้าเป็นทหาร เค้าก็ต้องใช้ บู๊ท สิ
:P
โดนด่าเลยเรา
ถึง เด็กหญิงตัวเล็กๆคนนึง
ผมยุให้ประท้วง ไม่ได้ประชด หรือวางกล้ามซักกะหน่อย
เรื่องการถ่อมตนนั้น ผมถ่อมตนมาโดยตลอด รับใช้แทบจะทุกคน และผมคิดว่าผมมีวิสัย บัณฑิตที่ร้อนหนาวกับประชาชนมาโดยตลอด
สิ่งที่ผมพูดกวนบาทาไปมาก เพราะผมอดรนทนไม่ได้ กับพวกบัณฑิต หนอนตำรา
บูชาทักษิณ โดยไม่ดูว่ามันโกงแค่ไหน (บางคนนะ)
วิจารณ์พันธมิตร เหมือนเป็นพวกโง่ ในภาษาท่าทีแบบสุภาพ น่าคลื่นเหียน
ปากพร่ำบ่นประชาธิปไตย แต่ชาวนาจะอดตาย ไม่เคยดู
คุณอาจจะมองว่า ผมกร่าง ก็มองได้ ไม่แปลก เพราะผมก็ กร่างจริง ผมยอมรับความจริงเสมอ
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเชื่อเสมอ คือ ความจริง
ความจริง คือ ความเหนื่อย ความยากจนของคนไทย ที่ผมรับรู้สัมผัสด้วยหัวใจ มิใช่ สัมผัสเพียงแผ่ว แบบวิถีบัณฑิตถ่อมตนในยุคทุนนิยม ซึ่ง ความถ่อมตน อาจเป็นรูปแบบที่ทำให้ตัวเองดูดีขึ้น และเอาไว้หลอกเด็กให้ชื่นชม
เต๋าเต็กเง็ก กล่าวไว้
"บัณฑิตที่ถ่อมตน เพื่อยกตนให้ตัวเองสูงขึ้น เป็นเพียงผู้ฉลาด หาใช่บัณฑิตไม่"
จำไว้เด็กหญิงตัวเล็กๆ
โบราณว่า
คนพูดซื่อ ตรงไปตรงมา พึงคบหา
คนพูดสุภาพ พึงระวัง รักษาระยะห่าง
คนพูดหวานปานใบมีดอาบน้ำพึง พึงวิ่งหนีให้ไกล
หากผมเตือน เด็กหญิงตัวเล็กๆแบบพี่ โปรดจงเชื่อ มิเช่นนั้น ท่านอาจถูก บัณฑิตจอมปลอม คนสุภาพหรือปากหวาน หลอกต้มเอาได้
ด้วยความรักและหวังดี
จริงอยู่ครับ ที่ท่านผู้เขียน ต้องการเอาเรื่องนี้ไป สื่อกับการเอารัฐประหารเข้ามาแก้ปัญหาการเมือง และ ผมเอง เห็นด้วยครับว่า การใช้วิธีการรัฐประหาร เป็นเรื่องล้าสมัย และน่าจะเลิกทำไปได้แล้ว เพราะมันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้จริง ๆ จัง ๆ หรอก
แต่ผมเห็นว่า ถ้าคุณเทียบว่า ไวรัส คือ ปัญหาการเมือง แล้วปิดเครื่อง คือ การรัฐประหาร อันนี้ไม่ถูกจุด และจริง ๆ มันก็ ไม่เข้ากันด้วยครับ...
เพราะอะไร...เพราะ ในความเป็นจริง จะมีใครที่ไหนล่ะ พอเครื่องติดไวรัส แล้วแก้ง่าย ๆ ด้วยการแค่ "ปิดเครื่อง" แล้วเปิดใหม่ โดยหวังว่ามันจะ "เลิกติด" หรือ "ไวรัสมันหายไป"
อย่างร้าย ๆ ก็มีแต่การต้อง format เครื่องกันใหม่หมด... อย่างที่คุณ ๆ ในหลาย ๆ ความเห็นบอก เพื่อล้างไวรัสออก แล้วก็ต้องมา "ตั้งต้น" กันใหม่หมด คือ ลงโปรแกรมใหม่ยุ่งยาก ที่ออกจะเสียเวลา
วิธีการที ่ ไม่กระทบของเก่า ไม่ต้องเสียเวลาลงโปรแกรมใหม่ ก็คือ หาแอนตี้ไวรัสมาฆ่ามัันซะ ...ซึ่งนั่น ก็ยังมีปัญหาอีกอยู่ดี เพราะบางที ก็ฆ่าไม่ได้ โปรแกรมหาไม่เจอ หรือไปติดในจุด ที่เกินแก้ไขแล้วด้วยโปรแกรมใด ๆ
เช่นนี้ ถ้าคุณต้องการเปรียบว่า "ปัญหาการเมือง" คือ "ไวรัส" ส่วน "การรัฐประหาร" หมายถึง วิธีแก้ไวรัส ที่ไม่ถูกต้อง และเสียเวลา คุณก็ควร จะหมายถึง การ "Format" ครับ ไม่ใช่ การ "ปิดเครื่อง" (เพราะ การปิดเครื่อง ไม่ใช่วิธีแก้ไวรัส หรือ แก้ไขบ้าบออะไรเลย ในทางคอมพิวเตอร์ แค่ ปิดไปแก้ปวดหัว คงไม่มีคนบ้าที่ไหนด้วยที่คิดว่า ปิดเครื่องแล้วไวรัสหาย)
แต่แม้กระนั้นก็ตาม เปรียบเทียบแบบที่ผมว่านี่ ก็ยังไม่ถูก และไม่สื่ออยู่ดี เพราะอะไร ?
เพราะ นั่นย่อมเท่ากับว่า วิธีการฆ่าไวรัส ที่น่าจะถูกต้อง (ในสายตาของคุณผู้เขียน) ย่อมหมายถึง การหา "แอนตี้ไวรัส" มาขจัดไวรัสออกไป หรือวิธีการอื่นใดที่ไม่ต้อง format เพื่อจะได้ไม่ต้องเริ่มต้นกันใหม่หมด เพราะไม่อยากเสียเวลา....ใช่ไหม ?
แ ต่ ...ดังกล่าวแล้วว่า ในเมื่อในความเป็นจริง "ไวรัสคอม ฯ" บางครั้ง มันขจัดไม่ได้ด้วย ตัวแอนตี้ไวรัส (วิธีที่เสียเวลาน้อยกว่าการ format) ...ถามว่า สุดท้าย คุณจะจัดการแก้ปัญหายังไงกับไอ้ไวรัสนี้...นอกจาก ก็ต้องมา format กันใหม่ และตั้งต้นลงโปรแกรมใหม่ (ย้อนเข้า รัฐประหาร อีกอยู่ดี)
ดังนั้น สรุป นะครับ คือ
ถ ้าคิดต่อกันจริง ๆ ...คำเปรียบเปรย เรื่อง "ปิดเครื่อง ฆ่าไวรัส" นี้ กับ ปัญหาการเมือง และ รัฐประหาร มัน "สื่อกันไม่ได้" เลยจริง ๆ
ผมว่า ถ้าอยากจะเปรียบเทียบล่ะก็ คุณต้องเปรียบให้ "ไวรัส" หมายถึง "การรัฐประหาร" ครับ ไม่ใช่ ไวรัส หมายถึง ปัญหาการเมือง
... ส่วนวิธีแก้ ไวรัฐ(ประหาร) ที่คอยเข้ามาทำลาย (สัง) คอม (ไทย) นั่นหรือ ก็คือ การ format สังคมไทยใหม่ให้เลิก หลงไหล ในไวรัส ตัวนี้ ไง คือ ทางออก (แป่ว)
air jordan 4
jordan shoes
chrome hearts online
yeezy boost 350 v2
nike air max
adidas stan smith shoes
asics shoes
jordan 4
nmd
nike air huarache
jordan shoes
westbrook shoes
supreme hoodie
cheap jordans
supreme new york
fila shoes
balenciaga
lebron 10
yeezy boost
kobe shoes
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก