วันเสาร์, เมษายน 30, 2548

เมื่อผมอยากเป็นบล็อกเกอร์กะเค้ามั่ง

กระแสเว็บบล็อกมาแรงจริงๆครับ ผมลองเข้าบล็อกนู้นออกบล็อกนี้มาหลายที่แล้วแต่ก็ยังไม่ลงมือทำบล็อกของตัวเองเสียที ได้แต่ไปดูของคนอื่น ดูแล้วก็อยากมีบ้าง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้เริ่มเขียน

จนกระทั่งผมไปเจอบล็อกของคุณปิ่น ปรเมศวร์ http://pinporamet.blogspot.com/ ผมอ่านแล้วก็ถูกใจ นึกในใจว่ากูอยากเขียนให้ได้อย่างนี้สักครึ่งนึงก็ยังดี ผมไม่ได้รู้จักกับคุณปิ่นเป็นการส่วนตัว แต่ติดตามงานของแกมานาน เรียกได้ว่า รู้จักแกผ่านทางหน้ากระดาษ หน้าจอคอมพิวเตอร์ ผมทราบกิตติศัพท์ของคุณปิ่นดีว่าแกเป็นจอมยุทธรุ่นใหม่ไฟแรงแห่งสำนักเศรษฐศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เป็นคลื่นลูกใหม่ที่มาแรง ถ้าเว็บบล็อกของผมไปได้ตลอดรอดฝั่งผมก็ขอยกความดีความชอบให้คุณปิ่นในฐานะที่บล็อกแกเป็นแรงบันดาลใจให้ผมลุกมาเขียนบ้าง

ผมอ่านบล็อกของคุณปิ่นและผองเพื่อนแล้วผมก็ช่างอิจฉายิ่งนัก

อะไรที่ผมอิจฉา?

ผมอิจฉาที่นักวิชาการในสายเศรษฐศาสตร์ช่วยกันผลิตงานออกไปในวงกว้าง ทั้งคุณปิ่น เพื่อนๆ มิพักต้องกล่าวถึงรุ่นใหญ่อย่างอาจารย์รังสรรค์ หรือ อาจารย์วรากรณ์ งานในวงกว้างที่ผมบอกหมายถึงงานที่ว่าถึงสิ่งรอบๆตัวที่เราเห็นภาพชัดเจน จับต้องได้ อธิบายให้ชาวบ้านเข้าถึงได้ เข้าใจได้ง่าย ทั้งๆที่โดยเนื้อหาวิชาเศรษฐศาสตร์เองน่าจะซับซ้อนพอดู

กล่าวให้ถึงที่สุด ผมหมายถึงงานที่เขียนตามหน้าหนังสือพิมพ์อย่างที่อาจารย์รังสรรค์ อาจารย์วรากรณ์ คุณปิ่น ในสาขาเศรษฐศาสตร์ หรือ อาจารย์นิธิ อาจารย์เกษียร อาจารย์เสกสรรค์ ในสาขารัฐศาสตร์ สาขาประวัติศาสตร์ ที่คนไม่มีพื้นความรู้ในด้านนั้นๆ คนทั่วๆไป สามารถอ่านได้สบายๆ

ย้อนกลับมาดูสาขาของผม ผมสำรวจแล้วงานวิชาการทางกฎหมายในวงกว้างมีน้อยมาก นักวิชาการที่อธิบายกฎหมายแบบง่ายๆ ไม่มีศัพท์แสงหรูหรา คนทั่วไปเข้าถึง ผมว่านับตัวได้ จริงๆอาจมีเยอะก็ได้แต่ไม่ได้ผลิตงานออกมาให้เห็น ผมอยากเห็นนักวิชาการในสาขากฎหมายผลิตงานได้ทั้งที่แบบมีสาระหนักๆและแบบเบาๆที่อ่านได้แบบไม่ต้องเอากะไดมาปีนขึ้นไปสอยลงมา ผมหารือกับสหายทางวิชาการของผมตลอดถึงประเด็นนี้ว่าอะไรคือสาเหตุที่พวกเราไม่สามารถทำแบบที่นักวิชาการเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ทำกัน

เราได้ข้อสรุปตรงกันครับว่า เรายึดติดกับรูปแบบมากเกินไป สังเกตว่าเราเขียนงานแต่ละครั้งเราต้องร่ายยาวว่ามาตรานั้นอย่างนี้ หลักกฎหมายว่าอย่างนั้น แล้วยังติดกับรูปแบบภาษากฎหมายซึ่งทำความเข้าใจยากอีกด้วย มิพักต้องกล่าวถึงประเพณีหรือค่านิยมบางประการที่ฝังอยู่ในตัวพวกเรา นั่นประการหนึ่ง อีกประการหนึ่ง ผมเห็นว่า โดยเนื้อหาวิชาแล้ว มันน่าจะเข้าถึงยากพอดู คนทั่วไปมักจะเห็นว่าเราเถียงกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง เถียงกันเรื่องรูปแบบ ไม่ได้เน้นผลเท่าไร มัวแต่ไปจับจ้องอยู่ที่วิธีการว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ (ไม่แปลกที่ท่านนายกฯถึงไม่ค่อยชอบกฎหมายเท่าไร) ผมไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้เห็นภาพ แต่เป็นความจริงที่ใครไม่ได้มาเรียนจะไม่รู้หรอกว่าทำไมเราถึงเป็นแบบนี้

อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าไม่ใช่ข้ออ้างที่นักวิชาการนิติศาสตร์จะละทิ้งหน้าที่ในการผลิตงานในวงกว้าง มิฉะนั้นเราก็ไม่ต่างกับพวกอยู่บนหอคอยงาช้าง ใครรุกล้ำเข้ามาในพรมแดนเรา เราก็จะตะโกนกลับไปว่า ไอ้พวกนี้ไม่รู้เรื่อง สะเออะ ไม่รู้กฎหมายแล้วมาพูด ผมกลับคิดว่า ก็เค้าไม่รู้ เราก็ยิ่งมีหน้าที่อธิบายให้เค้ากระจ่าง

ยิ่งนับวัน ผมกลัวว่าพวกเราจะแปลกแยกออกจากสังคมมากขึ้นๆ คบกันเองแต่พวกนักกฎหมายด้วยกัน ต่อสู้ ชิงไหวชิงพริบ หรือร้ายกว่านั้นเอากฎหมายมาเล่นแร่แปรธาตุเพื่อเป้าหมายบางประการ ในขณะที่สังคมมองพวกเราด้วยสายตาแปลกๆว่า ไอ้พวกนี้มันทำอะไรกัน เถียงกันอยู่กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง พวกเราก็ชี้นิ้วกลับไปว่า ก็พวกคุณนั่นแหละที่ไม่รู้เรื่อง

นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมตัดสินใจเขียนบล็อกนี้

ผมอยากลองเขียนเรื่องในวงการกฎหมายแบบเข้าใจง่ายๆ จับต้องได้ อ่านสบายๆ ไม่ต้องเอากะไดมาปีนไปสอยลงมา ไม่ต้องอ่านแล้วธาตุไฟในร่างกายปั่นป่วน
แต่ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ยังไงผมจะพยายามลองดู

ผมได้ชักชวนสหายทางวิชาการของผมให้เปิดบล็อกด้วย ให้มันว่ากฎหมายอาญาที่มันถนัด (แต่เอาเข้าจริงแล้วผมว่ามันถนัดทุกสาขา) ส่วนผมก็จะว่าในส่วนของกฎหมายมหาชนที่ผมพิสมัย ไม่รู้ว่ามันจะได้ฤกษ์เปิดเมื่อไร ถ้ามันเข้ามาอ่านก็อยากบอกมันว่า "รีบๆมาเปิดได้แล้ว จะได้เป็นเพื่อนกัน ถ้ายังไม่มีเวลาเขียนก็เอาที่เคยโพสตามเว็บบอร์ดลงไปก่อนก็ได้"

ในส่วนบล็อกของผมนี้ นอกจากเรื่องกฎหมายแล้ว ผมอาจหยิบยกประเด็นการเมือง สังคม หรือสิ่งต่างๆรอบตัวที่ผมเห็นในแต่ละวันเอามาเล่าให้ฟัง อาจมีเรื่องราวที่น่าสนใจในฝรั่งเศสที่ผมไปเจอ ข่าวประเด็นร้อน หนัง หรือไวน์ที่ผมไปลอง (อันนี้ของชอบ)

สุดท้าย...

ขอบคุณเว็บบล็อกที่ทำให้ผมมีพื้นที่ในการสำเร็จความใคร่ทางวิชาการ

พรุ่งนี้ หวังว่าผมคงคิดออกว่าจะเขียนเรื่องอะไรดี

14 ความคิดเห็น:

Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

U got yr own style of writing. I find it interesting. Your idea is good and i am totally agree with you. As i am one of the law student, it is hard to find the legal article that is easy to read. Well, hopefully that u will be the first to do that. Let everyone know a little bit more about the law with the simple style of writing... i will be looking forward for others articles of u too.
WW

12:55 ก่อนเที่ยง  
Blogger pin poramet กล่าวว่า...

มาเยี่ยมแล้วครับ

ขอบคุณนะครับที่ตามอ่านงานผม รู้สึกดีครับที่มี blog ดีๆ ให้อ่านอีกอันหนึ่ง คงได้แลกเปลี่ยนกันในอนาคต

มีอะไรก็เมลคุยกันได้นะครับ จะได้ทำความรู้จักกันไว้ เผื่อเรียนจบจะได้หาอะไรสนุกๆ ทำกันในธรรมศาสตร์

ยินดีที่ได้รู้จักครับ

1:13 ก่อนเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อืมม ดีนะเรียนกฏหมายมาเองยัง ไม่เข้าใจ เข้าไม่ถึง และไม่เห็นด้วยเลย ช่วยๆกันทำมาเยอะๆ เอาเรื่องตั้งแต่ชาวบ้านผัวเมียตีกัน ไปจนถึงรดับโลกไปเลย เดี๋ยวมีอารมณ์จะเขียนมาแจมมั่งนะ เรื่องที่เราเจอมารอบตัวนี่แหละ

Minn

1:47 ก่อนเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อยากอ่านงานเช่นนี้มานานแล้วล่ะครับ

ตามเว็บบอร์ดกฎหมายต่างๆ ประเด็นส่วนใหญ่เกาะกุม ยึดโยงเอาแต่บรรดากฎหมายในเชิงเทคนิค การต่อสู้ในทางคดีความ

หรือไม่ ก็พวกเตรียมตัวทำข้อสอบ เพื่อการสอบในสนามต่างๆมากกมาย เรียกว่าสอบกันตลอดชีวิต

อย่าว่าแต่ชาวบ้านร้านตลาด หรือคนที่ไม่ได้เรียนนิติศาสตร์เลยครับ

คนเรียนนิติศาสตร์อย่างผมยังไม่อยากก้าวเท้าเข้าไปอ่านเลย

เอียน

แล้ว ไม่รู้เป็นไง อ่านพวกนี้ทีไรแล้ว หน้ามืด วิงเวียน คล้ายจะเป็นลม

บลอกของคุณคงเป็นแรงบันดาลใจให้ผม และคนเรียนกฎหมายอีกหลายคน ได้เดินตามด้วย

อย่างน้อย เมื่อที่ใดมีสังคมที่นั่นก็มีกฎหมาย กฎหมายก็ไม่ควรมีช่องว่างที่เป็นสุญญากาศกับสังคมน่ะครับ

6:58 ก่อนเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เป็นเรื่องน่ายินดี หากจะมีคัมภีร์ออนไลน์ ให้ได้หาความรู้เพิ่มขึ้นอีกเล่มหนึ่ง




update บ่อยๆ นะคะ จะแวะเข้ามาอ่านค่ะ

JIKKOI ;)

8:35 ก่อนเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เข้ามาดูแล้วนะป๊อก ของดออกเสียงหนึ่งวันนะจ๊ะ ป๊อกก็รู้ว่าฝนไม่เคยออกเสียงเกี่ยวกะเรื่องนี้มานานแล้ว อิอิ

พยายามเขียนต่อไปนะ แต่ยาวจัง บางทีฝนขี้เกียจอ่านง่ะ

7:14 หลังเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เข้ามาอ่านเช่นกันครับ ยินดีมากที่จะได้รับทัศนะจากนักกฏหมาย

7:47 หลังเที่ยง  
Blogger Etat de droit กล่าวว่า...

ขอบคุณทุกคนครับที่สละเวลาเข้ามาเยี่ยมชมบล็อกผม มีประเด็นอะไรก็แลกเปลี่ยนกันได้ครับ

"เพียงคุณแวะมาชม เราก็แอบนิยมคุณอยู่ในใจ"

2:48 ก่อนเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

วันที่สองของการมาตามอ่านนะจ๊ะ ป๊อกนี่โปรโมทเวปตัวเองน่าดู อิอิ

พยายามเขียนต่อไปนะจ๊ะ

11:36 หลังเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ก็คอยลองตามอ่านตั้งแต่ในบอร์ด แล้วก็มาที่นี่ (ตามที่ชักชวนมา) ก็จะเอาใจช่วยเชียร์ให้เขียนไปเรื่อย ๆ แต่อ่านอย่างเดียวนะ เพราะไม่ค่อยชอบเขียนแสดงความเห็น เอาเป็นว่าถ้าจะให้แสดงความเห็น ไว้ตอนนั่งจิบไวน์ค่อยคุยกันดีกว่า ได้อารมณ์กว่าเยอะ คนแก่น่ะมันไม่ค่อยถนัดไอ้เรื่องไฮเทคแบบวัยรุ่นเท่าไหร่หรอก

1:09 ก่อนเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

มาเจิมกะเค้ามั่ง...

ก็ดีครับ ถือการริเริ่มที่ดี
อนาคตของวงการกฎหมายฝากไว้ในมือพวกคุณ

นักกฎหมาย ถูกมองว่าเป็นส่วนเกินของสังคม
เพราะความที่พูด (กับคนอื่น) ไม่ใคร่รู้เรื่องนี่แหละ

ผมเกิดในบ้านนักรัฐศาสตร์ครับ
แต่ประโยคที่เกลียดที่สุดในโลก คือ

"เรื่องนี้ไม่ควรใช้หลักนิติศาสตร์
ควรใช้หลักรัฐศาสตร์"

(ที่พ่อผมบอกว่า มันไม่มีในโลกหรอก หลักรัฐศาสตร์ที่เอาไว้ใช้เวลาไม่อยากใช้กฎหมาย)

ถ้านักนิติศาสตร์ของเรา
รู้จักใช้กฎหมายตามเจตนารมณ์ของแต่ละกฎหมาย

ใช้กฎหมายอาญา เพื่อป้องกันการประทุษร้ายต่อสังคม
มากกว่าใช้เพื่อข่มขู่ประชาชนในสังคมไม่ให้หือหาอืออา

ใช้กฎหมายแพ่ง เพื่อคุ้มครองสิทธิของเอกชนโดยยุติธรรมไม่เหลื่อมล้ำกันจนเกินไปนัก
มากกว่าใช้เพื่อให้ผู้มี "พลัง" ในระบบเศรษฐกิจ ใช้เป็นเครื่องมือ "สูบ" ทุกสิ่งทุกอย่าง

ใช้กฎหมายปกครอง ในการรักษาสมดุลยระหว่างอำนาจรัฐกับสิทธิเสรีภาพในทางมหาชนของประชาชน
มากกว่าใช้เพื่อ "รับรอง" การใช้อำนาจรัฐ

ใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อบูรณาการและวางแผนผังระบบการเมืองและสถาบันการเมือง
มากกว่าการใช้เพื่ออ้างความชอบธรรมในการปกครอง

เมื่อวันนั้น ประโยคแสลงหูของผมคงจะหายไปสักวัน... สาธุ...

Players
www.chezplayers.com

1:14 ก่อนเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

น่าสนใจ ๆ ... แวะมาอ่าน และมาเจิม bloc ด้วยคน

พี่อัฐ - Aix

12:35 หลังเที่ยง  
Blogger Mr. One กล่าวว่า...

ยินดีครับที่มีเพื่อนเพิ่มอีกแล้ว
และยินดีที่อาจจะให้ความไร้สาระกับท่านนิติรัฐได้บ้าง (ฮา)

8:52 ก่อนเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

^__^

9:45 หลังเที่ยง  

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก