วันเสาร์, ตุลาคม 18, 2551

ลามูร์



เคยรู้จักความรักไหมครับ?

ผมว่า “ความรัก” เป็นเรื่องอัตวิสัยมากๆ

มากจนกว่ามนุษย์คนใดในโลกใบนี้จะให้คำนิยามแก่มันได้

กิจกรรมบางกิจกรรม คนหนึ่งอาจบอกว่าเป็นไปเพราะความรัก เพื่อความรัก แต่อีกคนหนึ่งอาจบอกว่าไม่ใช่

ตรงกันข้าม การกระทำบางอย่างบางประการ คนบางคนอาจบอกว่าเป็นการกระทำของสัตว์ป่า หรือของผีห่าซาตานตนใด แต่ผู้กระทำกลับบอกว่าเป็นไปเพราะความรัก

คนคนหนึ่งอาจรู้สึกว่าการที่ตนประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในทำนองคลองธรรม ให้เวลา ดูแลเอาใจใส่ โทรศัพท์แบบเช้าถึงเย็นถึง เป็นความรักอย่างสุดซึ้ง แต่สาวคู่กรณีของเขากลับคิดว่าเป็นเรื่องน่ารำคาญและรกรุงรังเป็นอย่างยิ่ง

กับอีกคนหนึ่งลงมือประพฤติกรรมแบบเดียวกัน สาวคู่กรณีซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่เอ่ยไปข้างต้นกลับนิยมชมชอบหลงใหลจนถึงขนาดอยากขยับความสัมพันธ์เกินกว่า พี่-น้อง หรือเพื่อนสนิท

เช่นนี้แล้ว เราจะนิยาม “กลางๆ” ว่าความรักคืออะไร ได้อย่างไร?

มิติด้านเวลา...

ผมคิดว่าความรักไม่น่าจะแปรผันไปตามจำนวนเวลาที่ “คู่รัก” อยู่ด้วยกัน

ชายคนหนึ่งไม่ติดต่อหญิงคนรักของเขาเป็นเวลาหลายวัน หลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รักผู้หญิงของเขาแล้ว

ทำนองเดียวกัน ชายคนหนึ่งขยันขันแข็งหมั่นติดต่อสาวของเขาเป็นอาจิณ เช้าหนึ่งรอบ เย็นสองรอบ ก็ไม่จำเป็นเสมอไปว่าเขาจะไม่มี “กิ๊ก” หรือ “เมียลำดับสอง สาม หรือสี่”

เช่นกัน การมีเวลากินข้าวเย็นด้วยกันของชายหนุ่มกับหญิงสาว ก็อาจมีค่าเกินกว่าการร่วมรักอันได้เพศรสที่สุดวิเศษ

มิติด้านระยะทาง...

ผมคิดว่าความรักไม่น่าจะแปรผันไปตามระยะทาง

คนอยู่ไกลก็อาจรักกันได้ และคนใกล้กันก็อาจหนีไปมีชู้หรือนอกใจได้

พอๆกับที่คนอยู่ใกล้จะรักกันจนแต่งงานมีลูกมีหลานเต็มบ้านเต็มเมือง และคนไกลกันเฝ้าหาแต่ช่องทางในการเจอคนใหม่ๆ

มิติด้านความเข้ากัน...

ผมคิดว่าความรักไม่น่าจะแปรผันไปตามความเข้ากัน

ไม่จริงเสมอไปที่ คนเข้ากันจะต้องรักกัน และคนไม่เข้ากันต้องไม่รักกัน

ความรักอาจทำให้เข้ากัน และความเข้ากันก็อาจทำให้ไม่รักกัน

ชุดคำพูดที่ว่า “เราเข้ากันไม่ได้” เป็นคำแก้ตัว เป็นเปลือกที่ใช้หุ่มห้อความจริงของความหมดรัก

ทำไมคนเราหมดรัก หรือต้องการปฏิเสธความรักของใครสักคน ถึงไม่กล้าบอกไปตรงๆว่าฉันไม่รักเธอแล้วหรือฉันไม่เคยรักเธอเลย

“เราเข้ากันไม่ได้” สำหรับผมแล้ว มันเป็นได้แค่อาวุธของคนขี้ขลาดเท่านั้น

ผมอาจเกิดมาเพื่อให้ผู้หญิงทิ้ง

หลายคนบอกว่าผมทำตนเองเพื่อให้ผู้หญิงทิ้ง

แต่ผมกลับคิดว่า ผมไม่เปลี่ยนตนเองเท่านั้น การเปลี่ยนตนเองเพื่อให้สาวรักเรา นับเป็นการทรยศตนเองอย่างร้ายกาจ

การเปลี่ยนตนเองตามใจสาว อาจทำให้ผมฝันร้าย นอนไม่หลับ
ในเมื่อความเชื่อ ความฝัน บุคลิก หรือ “สันดาน” ของเรา เรายังไม่ยอมรับ แล้วเราจะมีหน้าไปรักใครได้

กล่าวเช่นนี้ ไม่ได้หมายคววามว่าให้ผู้ชายต้องเป็นคนแข็งกระด้าง ไม่ปรับตัวไปตามผู้หญิง

หากแต่ผมเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนต้องมี “รสนิยม” ที่ใครก็ตามไม่อาจเข้ามาคุกคามหรือเปลี่ยนแปลงได้

ชายก็ดี หญิงก็ดี อาจมีความดิบ ความปรารถนาที่ซ่อนอยู่

คุณเชื่อหรือไม่ว่า คนเราสามารถรักพร้อมกันได้หลายๆคน ในขณะที่อีกบางคน เขาไม่เคยรู้สึกรักใครได้เลย

สตรีที่ทอดทิ้งผมไปทั้งหมด ผมสำรวจแล้วพบว่าไม่มีคนใดที่ผมไม่รักไม่แน่

วันหนึ่ง หากเราไม่ถวิลหาความรัก ไม่วาดวิมานความรัก สักวันมันจะกลับมาเป็นของเรา

จงนำความรัก ที่เราเชื่อว่าเป็นความรัก เป็นแรงผลักดันให้กระทำการแต่สิ่งที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสังคม

วันจันทร์, ตุลาคม 13, 2551

รักแท้มีอยู่จริง (หรือ???)


ซ่อนตัวเองมานานเท่าไร

จะไปกลัวทำไมความรัก

สิ่งที่เธอไม่เคยรู้จักเลยสักครั้ง

หากเธอลองมองมาให้ดี

ฉันมีเธอในใจเท่านั้น

แค่เพียงเธอเข้ามาใกล้กันก็จะเข้าใจ


อาจไม่ดีราวกับเจ้าชาย

อาจไม่คล้ายกับคนในฝัน

แต่ก็พร้อมร้อนหนาวแทนเธอได้เสมอ

จะกุมมือเวลาร้องไห้

เช็ดน้ำตานี้ให้กับเธอ

อยู่ปลอบใจไม่ยอมห่างไกลให้เธอได้รู้...

รักแท้ยังมีอยู่จริง (หรือ???)


หนึ่งดวงใจของฉันอาจดูว่าไม่เท่าไร

ถึงแม้ว่ามันไม่ยิ่งใหญ่พอ ก็เชื่อในรัก

หนึ่งดวงใจดวงเดียวจากฉัน ขอทำให้เธอรู้จัก

เพียงเธอจะเชื่อเหมือนกันกับฉัน...

รักแท้ยังมีอยู่จริง (หรือ???)

....

รักแท้ มีอยู่จริง

แต่ (ยัง) หาไม่เจอ?

แต่ (อาจ) ใช้ไม่ได้?

แต่ (คง) ไม่พอ?

วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 02, 2551

หวาน-ขม


อีกแล้วครับ...

ผมเจอเรื่องแบบนี้อีกแล้ว

วันนี้ ผมพึ่งเลิกกับแฟน

เป็นการเลิกกันที่ เร็ว ง่าย ชัดเจน เราคุยกันไม่ถึง ๕ นาที เป็นอันว่าได้มติว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรยุติความสัมพันธ์ฉันคนรักกันดีกว่า

ผมกลับไทยไป ทุกอย่างโอเคดีมาก ไปเที่ยว ไปกิน ไปสังสรรค์ มีทะเลาะกันตามประสานิดๆหน่อยๆ แต่ไม่มีวี่แววให้ชวนฉงน จนกระทั่งตั้งแต่ผมกลับมาฝรั่งเศส

ผมโทรไปหา เธอมักไม่ค่อยว่างเสมอ บ้างก็ไม่รับสาย บ้างก็คุย ๓๐ วินาที ปกติเธอโทรหาผมประจำ แต่นี่ไม่มีแม้แต่เสียงสักตื้ดเดียว ไอ้ผมมันก็รุ่นใหญ่พอตัว ผ่านสมรภูมิเรื่องพรรค์นี้มาก็มาก มีเซนส์เรื่องพวกนี้แรงอยู่เหมือนกัน สงสัยว่าคงเข้าสู่สถานการณ์อปกติเป็นแน่

วันหนึ่ง เลยตัดสินใจถามไปทางเมล์ (เพราะไม่มีโอกาสสนทนาทางโทรศัพท์เลย) ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ มีอะไรก็ว่ามาตรงๆ เพื่อความชัดเจน

เงียบ...

ถามไปอีกครั้ง... เงียบอีกเช่นเคย

จนวันนี้ ผมนอนไม่หลับ เลยลุกมาเปิดคอม ออนเอ็ม เห็นเธอออนพอดี เลยตัดสินใจถามไปตรงๆ

เธอตอบมาทางเอ็มไม่ถึง ๑๐ ประโยค ผมก็ขอให้เธอลงมติมา เป็นอันว่ารู้ผล เธอว่าเราอยู่ห่างกันเกินไป

ไม่มีการอ้อนวอนให้เธอเปลี่ยนใจ ไม่มีการไต่ถามสาเหตุว่าอะไรที่ดลบันดาลใจให้เธอคิดเช่นนี้ ไม่มีการกล่าวตำหนิติเตียน ไม่มีการฟื้นฝอยหาตะเข็บ

ใครที่เคยอ่านบล็อกตอนเก่าๆ คงเคยผ่านตาเรื่อง รัก-เลิก ของผมมาบ้าง บรรยากาศแบบนี้เวียนมาอีกแล้ว

ผมชักเชื่อเกินร้อยเปอร์เซนต์แล้วสิว่า ผมคงไม่ประสบความสำเร็จเรื่องพรรค์นี้
แต่ไม่เป็นไร...
ผมชอบกินทั้งทีรามิสุ และวิสกี้ ออนเดอะ ร็อค