วันพุธ, ตุลาคม 31, 2550

กรณีนัดหยุดงานของ รฟท. และกรณีการเลือกตั้ง ๒๓ ธค

เรื่องแรก

อ่านข่าว สหภาพแรงงานของการรถไฟแฟ่งประเทศไทย (รฟท.) ประท้วงด้วยการหยุดเดินรถไฟในหลายสาย

การนัดหยุดงาน ไม่ใช่เรื่องแปลก ส่วนตัวผมเห็นว่า จำเป็นต้องมีและต้องใช้ เพื่อให้ผู้ใช้แรงงานได้ต่อสู้กับนายจ้างหรือรัฐบาลได้อย่างเหมาะสม ผมยังเห็นอีกว่าการจัดตั้งสหภาพแรงงานและการนัดหยุดงานควรขยายไปถึงข้าราชการด้วย

อย่างไรก็ตาม การนัดหยุดงานต้องมีขอบเขต มีเงื่อนไขกติกา

โดยทั่วไป การนัดหยุดงานจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อ สหภาพแรงงานนัดประชุมกัน แล้วมีมติออกมา อาจเป็นนัดหยุดงานเฉพาะบางพื้นที่ หรือหนักสุดถึงขั้นนัดหยุดงานทั่วประเทศ ที่สำคัญที่สุด เมื่อมีมติแล้ว ก็ต้องแจ้งต่อนายจ้าง รัฐบาล สาธารณชน เป็นการล่วงหน้า อย่างน้อยประมาณ ๑๕ – ๒๐ วัน เพื่อให้รับทราบและเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆว่าในวันนั้นการบริการสาธารณะจะไม่สะดวกเหมือนปกติ

นอกจากนี้ หน่วยงานที่สหภาพแรงงานสั่งนัดหยุดงาน ต้องมีการบริการสาธารณะขั้นต่ำในวันนัดหยุดงานด้วย เพราะเราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า บริการสาธารณะต้องมีความต่อเนื่อง จะสะดุดหยุดลงไม่ได้ เช่น จากเดิม รถไฟวิ่งวันละ ๖ รอบ ก็อาจเหลือ ๒ รอบ เป็นต้น

กรณี รฟท ผมเห็นว่า สิทธินัดหยุดงานเป็นสิทธิอันชอบธรรมของ รฟท. แต่การใช้สิทธิเช่นว่า น่าจะไม่สอดคล้องกับกติกา เพราะ ไม่มีการประกาศล่วงหน้า ไม่มีมติของสหภาพแรงงานออกมาล่วงหน้าว่านัดหยุดงานเพราะต้องการประท้วงในประเด็นใด จะนัดหยุดงานวันไหน พื้นที่ใด ระยะยเวลานานเท่าใด และเตรียมบริการพื้นฐานขั้นต่ำไว้รองรับแล้วหรือยัง

ตรงกันข้าม อ่านจากข่าว พบว่า รถไฟวิ่งๆมาอยู่แถวนครศรีฯ คนขับหยุดรถดื้อๆ บอกว่ามีการนัดหยุดงานประท้วงเรื่องแปรรูป รฟท.

แบบนี้ ไม่น่าใช่การใช้สิทธินัดหยุดงาน แต่น่าจะเป็นการทำตามอำเภอใจมากกว่า

เห็นแล้วก็น่าเสียดาย เพราะปกติ คนไทยส่วนใหญ่มักรังเกียจ การประท้วง การเดินขบวน การปิดถนน การนัดหยุดงาน อยู่แล้ว แทนที่สหภาพแรงงาน รฟท. จะใช้สิทธิดังกล่าวให้ถูกต้องตามกติกา เพื่อให้สังคมได้เข้าใจว่า สิทธิเหล่านี้ เป็นเรื่องปกติสำหรับประชาธิปไตย แต่กลับใช้แบบตามอำเภอใจ ยิ่งทำให้คนต่อต้านการนัดหยุดงานมากขึ้น (ผมอ่านจากข่าว บอร์ดต่างๆ มีแต่คนด่า)

เรื่องที่สอง

จากกรณีที่พรรคอื่นๆ ยังไม่นิ่ง ผู้สมัครย้ายไปย้ายมารายวัน แต่พรรคพลังประชาชนกลับสงบและผนึกกำลังค่อนข้างแน่นแฟ้น แถมฐานเสียงเดิมก็ยังอยู่ ทำให้วิเคราะห์กันว่า พปช คงได้เสียงมาที่หนึ่งแน่ แต่คงไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล ผมมีข้อสังเกตดังนี้

๑. หาก พปช มาที่หนึ่ง และได้เสียงท่วมท้นเกินครึ่ง จนตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ อาจเกิดกรณี “แดงเถือก” จาก กกต. จน พปช เหลือเสียงไม่ถึงครึ่ง

๒. หากเป็นเช่นนั้นจริง เป็นไปได้ว่า เราอาจเห็น วิกฤตกันอีกรอบ เพราะกองเชียร์ พปช และคนรักทักษิณ คงไม่ยอมอีกแล้ว มันดูเป็นการรังแกกันมากเกินไป และสิ่งที่ไม่อยากเห็นอีก คือ ทหารพากันออกมาปัดกวาดอีกรอบ (สพรั่ง? สนธิ ลิ้ม?)

๓. ในกรณีที่ พปช ได้เสียงที่หนึ่ง แต่ไม่ถึงครึ่ง พรรคอื่นๆคงรวมตัวกันตั้งรัฐบาล ภายใต้การอำนวยการของ คมช. โดยมีอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ซึ่งคงเป็นรัฐบาลที่อ่อนแอมาก อภิสิทธิ์คงไม่มีโอกาสได้ทำตามที่ใจคิด แต่มี “สุเทพ บรรหาร สนั่น ประชัย สมศักดิ์ เสนาะ สุวัจน์” เป็นผู้ดูแล และเมื่อผ่านไปปีเศษ รัฐบาลคงล่ม เพราะขัดแย้งผลประโยชน์

๔. กรณี พปช ได้ที่หนึ่ง ปชป ได้ที่สอง ผมอยากให้อภิสิทธิ์ลบตราบาปจากกรณี ม ๗ ด้วยการประกาศเหมือนลูกพี่ชวนในครั้งก่อนว่า หาก ปชป ไม่ได้ที่ ๑ จะไม่จัดตั้งรัฐบาล ซึ่งคงเป็นไปได้ยากมาก เพราะ สุเทพคงไม่มีวันยอม

๕. รัฐบาล คมช เปรม และเหล่าผู้มีคุณธรรมทั้งหลายเริ่มหันมาชูประเด็น การเลือกตั้งใสสะอาด ต่อต้านการซื้อเสียง ผมเดาว่า งานนี้ เหลือง แดง ปลิวกระจายแน่ และไอ้ข้อหาซื้อเสียงนี่แหละ จะกลายเป็นเหตุผลให้พวกนี้ใช้อ้างในการอยู่ในอำนาจไปเรื่อยๆ

๖. ผมเห็นว่า ผู้มีบทบาทสำคัญที่สุดที่จะทำให้ประเทศไทยกลับเข้าสู่บรรยากาศปกติ หลังเลือกตั้ง ๒๓ ธค คือ กกต. นักการเมืองจะทะเลาะกันไปมา พรรคนี้ด่าพรรคนั้นว่าโกง ร้องเรียนให้แจกใบแดง-เหลือง เป็นเรื่องปกติ คมช จะกดดันไม่ให้ พปช ได้เสียงข้างมาก ก็เป็นเรื่องของ คมช แต่ กกต. เอง ต้องเป็นกลาง อย่าโดน คมช ชี้นำ อย่าบ้าจี้ จนพาเข้าสู่มุมอับ ขืนแจกใบเหลือง-แดง แหลก เลือกใหม่เป็นสิบรอบ สงสัยมวลชนคงได้ปะทะกันอีกแน่

แต่ไม่รู้เราจะคาดหวัง กกต ได้มากแค่ไหน เห็น “กฎเหล็ก” ผลงานชิ้นแรกออกมา ประกอบกับบทบาทของสดศรีแล้ว ก็คงต้องทำใจล่วงหน้าว่าหลัง ๒๓ ธค เกมนี้คงยังไม่จบ

วันอังคาร, ตุลาคม 09, 2550

Unacceptable, Silence, Comparative study

ไม่อาจยอมรับได้

ร่าง ป.อาญา

มาตรา 112/1 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระราชโอรส พระราชธิดา ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 112/2 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย ประธานองคมนตรี องคมนตรี หรือผู้แทนพระองค์ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ร่าง ป.วิ.อาญา

มาตรา 14/1 ระหว่างสอบสวน ไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาคดีที่มีการกล่าวหาหรือฟ้องในความผิดต่อองค์มหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามหมวด 1 ลักษณะ 1 ภาค 2 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ในกรณีเห็นสมควร พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ หรือคู่ความอาจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้สั่งห้ามมิให้โฆษณาข้อเท็จจริง พฤติการณ์ต่างๆ การวิพากษ์วิจารณ์ หรือความเห็นเกี่ยวกับคดีไม่ว่าสื่อประเภทใด

หากศาลพิจารณาคำร้องดังกล่าวแล้วเห็นว่ามีเหตุอันสมควรเพื่อการคุ้มครองปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้ศาลสั่งอนุญาตตามคำร้องและอาจกำหนดเงื่อนไขหรือวิธีการใดๆ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามคำสั่งห้ามของศาลดังกล่าวได้

การฝ่าฝืนคำสั่งของศาลตามวรรคหนึ่ง ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

การฝ่าฝืนคำสั่งของศาลตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นการกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอีกกรณีหนึ่งด้วย และให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 33 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

ความเงียบ

...... ก่อนหน้านี้ ไม่มีความเคลื่อนไหวการเสนอร่างแก้ไขกฎหมายของ สนช. .......
...... จนบัดนี้ ยังไม่มีข่าวและข้อมูลเรื่องนี้ในสื่อสาธารณะของไทย นอกจากประชาไท ......

ข่าวในรอยเตอร์

Thailand plans tougher lese majestelaw
By Nopporn Wong-Anan

BANGKOK, Oct 8 (Reuters) - Thailand, which strictlyenforces laws protecting the monarchy, plans to extend protection to royal advisers and other members of theroyal family and restrict media coverage of cases,lawmakers said on Monday.

Under the proposed amendments, to be debated by thearmy-appointed parliament on Wednesday, journalists could be jailed for three years and fined 60,000 baht($1,750) for ignoring a court-ordered publication ban.

"We don't want any offence to the monarch to berepeated in the news or become an issue of any criticism" inside or outside Thailand, Supreme Courtchief judge Pornpetch Wichitcholchai told Reuters.

Those protected by the expanded law would includesons and daughters of the monarch and royal advisers known as privy councillors, Pornpetch said. "The current law doesn't cover privy councillors,some of whom have become political victims," he said.

Last month, the government threatened to block clips on video-sharing Web site YouTube that accusedchief royal adviser Prem Tinsulanonda of mastermindinglast year's bloodless coup. Such allegations against Prem have been made bysupporters of ousted Prime Minister Thaksin Shinawatra during demonstrations and denied repeatedly by thegenerals and government they appointed. The government had lifted a five-month ban onYouTube's site, www.youtube.com , in August after itsowner, Google, installed filters to stop Thais fromaccessing clips deemed to insult King BhumibolAdulyadej, the world's longest reigning monarch.

Thailand 's lese majeste law is already among the toughest in the world, with jail terms of three to 15years for anyone who "defames, insults or threatens"the king, queen, heir apparent or regent. Under the proposed amendments, the lawmakers wanted anyone found guilty of lese majeste of the royalchildren to face up to seven years in jail and ofroyal advisers to face up to five years in jail,Pornpetch said.

The most recent conviction was of a Swiss man jailed for 10 years in March for defacing pictures ofthe king. At the request of police, few Thai newspapersreported the case of Oliver Rudolf Jufer, who receiveda royal pardon and was deported.

"The police were doing the right thing and the media made the right decision not to report the story,but we are going to put those judgment calls intolaw," Pornpetch said.

กรณีศีกษาเปรียบเทียบ

http://www.onopen.com/2006/01/1262

วันศุกร์, ตุลาคม 05, 2550

กระทู้น่าสนใจในพันทิป (ต่อ)

ช่วงนี้ รัฐสภาฝรั่งเศสกำลังพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี

ผมอ่าน นสพ เห็นงบประมาณของกระทรวงวัฒนธรรมที่นี่แล้ว ยิ่งรู้สึกรับไม่ได้กับกระทรวงวัฒนธรรมของเรา

ของเขา ตั้งงบไปหลายพันล้านยูโร โดยเอาไปสร้างพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย เอาไปอุดหนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เอาไปดูแลปรับปรุงโบราณสถาน โบราณวัตถุ เอาไปสนับสนุนให้ศิลปินรุ่นใหม่สร้างสรรค์ผลงาน

แต่ของเรา เห็น รมต ไขศรี (ที่ผมงง คือ รมต คนนี้ จบ ป เอกจากปารีส แต่กลับอนุรักษ์นิยมสุดขั้วและสุดขั้วแบบน่าจะผิดทางด้วย) และคุณลัดดา ที่เป็น ผอ ศูนย์เฝ้าระวังวัฒนธรรม (แค่ชื่อศูนย์นี่ ก็สะท้อนอะไรบางอย่างแล้ว) ทำแต่ละงานแล้ว ก็ได้แต่เซ็ง

วัยรุ่นสาวไม่ใส่กางเกงใน สาวๆแต่งตัวโป๊ นศ สาวแต่งกายไม่เหมาะ มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร วันวาเลนไทน์ห้ามหนุ่มสาวเข้าโรงแรม ตามจับเพลงที่มีเนื้อหาทะลึ่ง เซนเซอร์หนัง ฯลฯ

รมต ไขศรีและลูกน้อง ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อนว่า อะไรคือ วัฒนธรรม เราพอจะหาฉันทามติร่วมจากสังคมได้หรือไม่ อะไร คือ วัฒนธรรม และจำต้องยอมรับความหลากหลายของวัฒนธรรมด้วย

..............

กระทู้ยอดนิยมที่โต๊ะห้องสมุดพังไปแล้ว ต้องไปตั้งกระทู้กันใหม่ ความเข้มข้นยังเหมือนเดิม เชิญชมได้ที่

http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K5868182/K5868182.html

อีกกระทู้ที่หว้ากอ น่าสนใจเช่นกัน

http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X5881675/X5881675.html