วันศุกร์, พฤศจิกายน 25, 2548

คุณเคยเหงาสุดขั้วหัวใจไหม?

ผมอยู่ที่เชียงใหม่ มาท่องเที่ยวพักผ่อนสมอง ขนงานมาทำด้วยบางส่วน ผมค้นพบความจริงสองประการ

ประการแรก ค่าครองชีพที่เชียงใหม่สูงมาก อาจพอๆกับกรุงเทพฯหรืออาจจะมากกว่าก็เป็นได้
ประการที่สอง สาวเชียงใหม่สวยจริงๆ

....

เมื่อคืนผมออกไปเดินเล่น โบกรถสองแถวสีแดงให้ไปส่งหน้า มช. กะว่าจะไปเดินชมความงามของนักศึกษา มช. หลังการเชยชมความงามแบบ "ผ่านพบไม่ผูกพัน" แล้วเสร็จ ผมก็ไร้ที่ไป กลายเป็นคนจรหมอนหมิ่น เดินไปเรื่อยๆตามถนนห้วยแก้ว แล้วก็หยุดที่ร้านหนึ่ง

ร้านนี้เล่นเปียโน

ผมเข้าไปนั่งกินข้าว ฟังเสียงเปียโน

ที่น่าแปลกมีผมเพียงคนเดียวที่มานั่งกินข้าวเคล้าเสียงเพลง

พลันความเหงาก็เข้ามาเยี่ยมเยียนหัวใจผม

ใครๆมักนิยามตัวผมว่าเป็น "คนขี้เหงา" แต่ผมปฏิเสธ บางครั้งผมกลับชอบ "ความเหงา" ด้วยซ้ำ มันเจ็บๆคันๆดีๆ คงจะจริงอย่างที่ใครบางคนบอกไว้ว่า ก้นบึ้งของความเป็นมนุษย์ คือการชอบความเจ็บปวดและทรมานตนเอง

ผมสั่งอาหารสองอย่าง ข้าวหนึ่งจาน และที่ขาดไม่ได้ เบียร์

บางช่วงตอน นักดนตรีก็มาสะดุดอารมณ์เหงาของผมด้วยการชวนผมขึ้นไปร้องเพลง ครั้งแรก ผมปฏิเสธไป ครั้งที่สอง ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล ผมขึ้นไปร้องเพลง Let it be และต่อด้วย Take it easy

ร้องได้สองเพลง ก็ต้องลงมาล้างหัวเทปให้ตัวเองด้วยเบียร์เย็นๆต่อ

แล้วเพื่อนรักของผมก็มาเยือนหัวใจผมอีกเช่นเคย

ผมนั่งอยู่คนเดียวราวสามชั่วโมง จนร้านปิด ก็โบกรถแดงกลับนิวาสถานย่านท่าแพ

....

ณ เพลานี้ ผมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในร้านอินเตอร์เนท คาเฟ่ แม้จะมีเสียงผู้คนในร้านเล็ดลอดเข้ามา มีเสียงเพลงเบาๆจากคอมพิวเตอร์ของร้านอยู่บ้าง แต่ใจผมก็ยังเหงาอยู่เช่นเดิม

เย็นนี้ ผมจะหนีบไวน์ที่ผมแบกมาด้วย ไปนั่งดื่มชิลล์ๆ ที่ร้านแถบริมน้ำปิง

เอาเข้าจริง ผมอยู่ที่ฝรั่งเศส ที่กรุงเทพฯ ที่เชียงใหม่ ควาเหงาก็มาคุกคามผมไม่เคยเปลี่ยน คงจะจริงที่มนุษย์มีธรรมชาติของความอ่อนแออยู่

5 ความคิดเห็น:

Blogger crazycloud กล่าวว่า...

บางครั้ง เราอาจอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย

มีทั้งเสียงปรบมือ สรรเสริญ เสียงหัวเราะ ด้วยความสุข และรอยยิ้ม

ผ่านพบผู้คนหลายหลาก ทั้งสดสวย และน่ารัก อยู่เรียงรายรอบ

สิ่งประโลมทั้งหลาย บางครั้งไม่อาจทะลุทลายเข้ามาเติมจิตใจให้เต็ม หรืออาจเต็มก็เพียงชั่วคราว เมื่อปะทะก็สุขเหมือนจะล้น แต่กลับระเหิดแห้งในเวลาอันรวดเร็ว

ความเหงาอาจรุมทำร้ายเรา ให้แสบๆ คันๆ มันส์พิลึก แต่การเดินทางมักมีทางเลี้ยวของจิตใจ เข้าสู่เพิงพัก คือ ความสงบ ให้ค้นหา

คนเราเหมือนเรือผจญคลื่นลมระบมล้า หากแต่ควรมีเวลาพักใจกาย โดยจอดเรือไว้ริมอ่าวอิงเขาอันสงบจากคลื่นลม เมื่อผ่านวาระอันเหนื่อยล้า พึงหามุมสงบในใจเราให้เจอ เมื่อนั้น เราจะพบความสงบสุขอันมีความหมายลุ่มลึกและเติมเต็มกำลังวังชาได้ดีนัก

รักษาสุขภาพ เหวยๆ

11:03 ก่อนเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เหงา เหงา เหงา

ทำไมเราถึงไม่ค่อยได้สัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้นะ

หรือว่า เรายังอยู่คนเดียวไม่นานพอ

หรือว่า เราอาจจะไม่ค่อยจะอยู่นิ่ง (นิ่งเป็นหลับ ขัยบเป็นแด๊ก)

หรือว่า เราไม่ปกติ (สงสัยจะเป็นอันนี้)

ใช้ความเหงาเป็นเครื่องมือ เพื่อจะได้ค้นพบอะไรบางอย่าง

คำนึงคนึงคิดเสมอค่ะ

^__________^

4:48 หลังเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

น้อง พีเคที
เจ้าของบล๊อกน่ะ เค้าไม่มีตามองใครแล้ว
เค้าทิ้งไว้แถวๆ ลียง
ไม่รู้บ้างเหรอไง

6:58 หลังเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เมื่อก่อน เคยโพสต์ไว้ บนตัววิ่ง ของบนบล๊อกพี่ ... ได้ความเหงานี่ มันน่ากลัว เพราะรู้สึกว่า ไม่เคยจะมีแม้แต่คนเดียว ที่ไม่เคยพบมัน

ความเหงานี่แหละ หากเราพิจารณาดี ๆ แล้ว เราจะพบว่า มันเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา เพราะมันจะคอยอยู่กับเราเสมอ ในยามที่เราไม่มีใครแล้ว คนอื่นเดินจากไปคนแล้วคนเล่า แต่มันไม่เคยจากเราไปไหนไกล มีแต่เราเท่านั้นที่ลืมมันไปชั่วคราวชั่วขณะครับ

จึงอยู่ที่ว่าตัวเราเองจะยอมรับเพื่อนสนิทที่ดีของเรา หรือพยายามจะหนีจากมันเท่านั้นครับ

ปล. ไม่ได้ไปเชียงใหม่นานแล้ว ว่าง ๆ ก็ภาพงาม ๆ มาลงบ้าง ...เปลี่ยนแนวบล๊อกวิชาการมาเป็นบล๊อกกุ๊กกิ๊กบ้าง ในบางอัน คงไม่ผิดกติกามั๊ง

10:39 หลังเที่ยง  
Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

แนะนำให้อ่านเข็มทิศชีวิต ของคุณนิฐินาถ ณ พัทลุง
pattaya

3:42 ก่อนเที่ยง  

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก